EARTH คิดใหญ่ เงินน้อยแฉทุกวัน ทันเกมหุ้น

และแล้ว...บริษัท เอ็นเนอร์ยี่ เอิร์ธ จำกัด (มหาชน) หรือ EARTH มีทั้งข่าวดี ข่าวร้าย และกึ่งดีกึ่งร้าย ไล่เลี่ยกัน 3 ข่าวในสองสัปดาห์


       และแล้ว…บริษัท เอ็นเนอร์ยี่ เอิร์ธ จำกัด (มหาชน) หรือ EARTH มีทั้งข่าวดี ข่าวร้าย และกึ่งดีกึ่งร้าย ไล่เลี่ยกัน 3 ข่าวในสองสัปดาห์
      เริ่มต้นด้วยข่าวร้ายก่อน ด้วยการประกาศเพิ่มทุน อีกครั้ง
      ตามด้วยข่าวดี ผลประกอบการไตรมาส 3 ที่ดีแบบเซอร์ไพรส์สุดๆ
      ตบท้ายด้วยข่าวกึ่งดีกึ่งร้าย ลงนามบันทึกความเข้าใจ หรือ MOU เพื่อการศึกษาทำธุรกิจโซลาร์ฟาร์มที่อิตาลีกับบริษัทจีนสัญชาติสวิสชื่อแปลก
       ข่าวแรกสุดนั้น อย่าไปจำดีกว่าว่า บริษัทนี้เพิ่มทุนไปแล้วกี่ครั้ง…เอาเป็นว่าปีไหนไม่เพิ่มทุน ปีนั้นประหลาดพิลึก
       เพียงแต่การเพิ่มทุนครั้งนี้มีเหตุผล ไม่ใช่เพราะขาดทุนจนส่วนผู้ถือหุ้นติดลบ หรือคิดจะเพิ่มทุนตะพึดตะพือเพราะเห็นนักลงทุนเป็นตู้เอทีเอ็ม แบบบางบริษัท หากเอาไปทำให้กิจการเติบโตจริงจัง
       ครั้งนี้บอร์ดบริษัทมีมติเพิ่มทุนให้สอดรับกับการอนุมัติเข้าซื้อเหมืองถ่านหินของ Pt.Belayan Abadi Prima Coal (PT.BAPC) ซึ่งมีปริมาณถ่านหินสำรองจำนวนไม่เกิน 76 ล้านตัน โดยเข้าซื้อหุ้นของ PT.BAPC จำนวนไม่เกิน 2 พันหุ้น พาร์หุ้นละ 5 แสนรูเปีย คิดเป็นไม่เกิน 100% ของหุ้นสามัญทั้งหมด ในราคาเสนอซื้อหุ้นละ 1.847 บาท รวมเป็นราคาซื้อหุ้นสามัญของ PT.BAPC ทั้งสิ้น 3,694.80 ล้านบาท จากผู้ถือหุ้นของ PT.BAPC โดยมูลค่าเสนอซื้อดังกล่าวคำนวณจากปริมาณถ่านหินจำนวน 40 ล้านตัน ในราคาตันละ 3 เหรียญสหรัฐ ที่อัตราแลกเปลี่ยน 30.79 บาท/เหรียญสหรัฐ
          การซื้อกิจการ EARTH จะชำระค่าซื้อหุ้นดังกล่าว ด้วยหุ้นไม่ต้องใช้เงินสดแต่ใช้การออกหุ้นเพิ่มทุนจำนวน 527,828,572 หุ้น พาร์หุ้นละ 1 บาท คิดเป็น 17.73% ของทุนจดทะเบียนชำระแล้ว เสนอขายให้บุคคลในวงจำกัด (PP)  ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นของ PT.BAPC ในราคาหุ้นละ 7 บาท
           นี่คือสูตรที่ผู้ถือหุ้น EARTH คุ้นเคยกันดี มาหลายครั้ง ซื้อเหมืองถ่านหินทีไรต้องเพิ่มทุนทีนั้น
           การลงทุนอย่างนี้ ไม่ได้เสียหายอะไรทำให้บริษัทโตขึ้นเพราะสามารถหาวัตถุดิบมาขายได้เรื่อยๆ ตามแผน 5 ปี 5 เหมือง 5 ประเทศ ที่เคยประกาศเอาไว้ตั้งแต่ปี 2555 เป็นต้นมา
           ประเด็นที่ต้องเพิ่มทุน เพราะแผนธุรกิจของ EARTH ดังกล่าวมีโจทย์ใหญ่ คือแม้จะยังมีกำไรต่อเนื่องแต่อัตรากำไรสุทธิถดถอยลง เพราะตลาดถ่านหินเป็นขาลงตามราคาน้ำมันยังอีกนานกว่าจะฟื้นตัว
            EARTH แม้จะมีกำไรสะสมอยู่แต่หนี้สินจากการเติบโตที่ทำให้ดี/อีมากถึง 3.5 เท่า บังคับให้การก่อหนี้เพิ่มมีปัญหาขึ้นมาเพราะว่าตอนนี้เริ่มขาดสภาพคล่องมากพอสมควรเนื่องจากเงินโอดีจากเจ้าหนี้มากถึงเกือบ 1 หมื่นล้านบาทเข้าไปแล้ว จะกู้หนี้ยากเพราะกดดันกำไรในระยะยาว
            การเพิ่มทุนเอาไปแลกหุ้นครั้งนี้ ทำให้ทุนจดทะเบียนของบริษัทเพิ่มเป็น 4,966,931,709 บาท จากเดิมที่ 4,439,103,137 บาท ยังทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างการถือครองหุ้น โดยภายหลังการเพิ่มทุนแล้วบริษัท เอิร์ธ โฮลดิ้ง จำกัด จะลดสัดส่วนการถือหุ้นใน EARTH เหลือ 11.69% จากเดิมที่ 13.76% ส่วนนายขจรพงศ์ คำดี, นายพิรฬห์ พิหเคนทร์ และนายพิบูล พิหเคนทร์  ซึ่งเป็นกลุ่มเดียวกัน เหลือถือคนละ  6.77% จากเดิมที่ถือคนละ 7.97%
           ขณะที่บุคคลที่ได้รับการจัดสรรหุ้นเพิ่มทุนใหม่จากอินโดนีเซียดังกล่าว มีจำนวน 5 ราย จะเข้ามาถือหุ้นในสัดส่วนคนละ 3.01%
           เพิ่มทุนไปแล้ว ราคาหุ้น EARTH  จะเจอกับผลของหุ้นที่เพิ่มขึ้นในทางลบไปนานเพราะดังที่ทราบกันว่าธุรกิจค้าถ่านหินนั้น “กำไรหมิ่น” ไม่มีอนาคตมากนัก และทำให้หลายคนคิดจะทิ้งหุ้นนี้แต่ทิ้งไม่ลงเมื่อเจอข่าวที่สองที่ดีจนไม่อยากเชื่อ
             กำไรสุทธิไตรมาส 3 ของ EARTH  ทำได้ดีเกินคาดหมายเอาไว้เยอะ เพราะมากถึง 442.04 ล้านบาท โต 50.32% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน ทำให้งวด 9 เดือน 2558 มีกำไรสุทธิ 921.24 ล้านบาท สามารถเติบโตได้ 5.38%  หลังจากครึ่งแรกปี ทำท่าติดลบ จุดเด่นอยู่ที่ฝีมือของ ขจรพงศ์ คำดี ซีอีโอ คนขยัน และพลพรรค ที่ทำให้ค่าใช้จ่ายการขายลดลง และบริหารเงินเก่งมาก มีกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนเพิ่มขึ้น

กำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนเพราะกู้เงินเก่ง จากการกู้จากธนาคารกรุงไทยเป็นเงินดอลลาร์สหรัฐ แล้วหมุนเวียนใช้ในต่างประเทศ เมื่อค่าเงินบาทอ่อน ก็ได้รับประโยชน์เต็มๆ ใครจะว่าบังเอิญ ดูเหมือนจะดูเบาฝีมือมากเกินไป

ในขณะที่ข่าวสุดท้าย แม้ว่าด้านหนึ่งจะเป็นข่าวดี เพราะการแตกไลน์ธุรกิจทำโซลาร์ฟาร์มที่อิตาลี แม้จะทำให้อนาคตยั่งยืนมากขึ้น ไม่ต้องพึ่งพาธุรกิจขายถ่านหินเหมือนเดิมอย่างเดียว แต่อีกด้านหนึ่ง ก็ทำให้นักลงทุนขวัญผวา เพราะรู้ว่าอนาคตหากโครงการนี้เป็นจริงขึ้นมา อาจจะเกิดการเพิ่มทุนอีกระลอกขึ้นได้

บริษัทเติบโตน่ะ ไม่มีใครว่า แต่เพิ่มทุนบ่อยๆ นี่ มูลค่าของผู้ถือหุ้นหดหายง่ายดายเหลือเกินนะ…นายจ๋า

X
Back to top button