ต่างชาติซื้อสุทธิหุ้นไทยมากสุดในรอบ 20 ปี

เราเชื่อว่า ต่างชาติ รู้ตัวดีว่าทำอะไรอยู่ รู้ดีว่าสภาพคล่องในเรื่องวอลุ่มเทรดของบ้านเรา กับ สถานะการสะสมหุ้นเข้าพอร์ตที่ทำอยู่ มันสวนทางกัน


ย้อนหลังกลับไปในอดีตนับตั้งแต่ปี 2000 เป็นต้นมา ถ้าหากนักลงทุนต่างชาติที่มีการซื้อสุทธิหุ้นไทยในแต่ละปี จะพบว่ามีการซื้อหุ้นไทยสะสมไม่เกินปีละ 1 แสนล้านบาทบวกลบ บางปีซื้อแค่ 5 หมื่นล้านบาท

โดยสถิติที่ต่างชาติ ซื้อสุทธิมากที่สุด คือปี 2005 จำนวน 1.18 แสนล้านบาท และยังไม่มีปีใดที่มียอดซื้อสุทธิเกินกว่านี้ จนล่าสุดในปี 2022 (26 ส.ค.) ต่างชาติซื้อสุทธิไปแล้ว 169,463 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วนที่มากกว่า 1.48 เท่า ของปี 2005

โดยในช่วง 8 เดือนที่ผ่านมา ตัวเลขเม็ดเงินต่างชาติที่ไหลเข้าประเทศ แบบไม่กังวลค่าเงินบาทอ่อน, การประเมินตัวเลขเศรษฐกิจที่เติบโตต่ำสุดในภูมิภาค

รวมถึงรายได้หลักจากการท่องเที่ยวยังไม่ฟื้นแบบเต็มที่ โดยเฉพาะฐานลูกค้าหลักอย่างจีนแผ่นดินใหญ่ ที่รัฐบาลยังใช้นโยบาย Zero Covid ไม่ยอมให้คนเข้าออกนอกประเทศ แบบง่าย ๆ ฯลฯ

ก็ยังมีเม็ดเงินจากฟันด์โฟลว์ ไหลเข้าตลาดหุ้นมากขนาดนี้

หากมานับเฉพาะตั้งแต่วันที่ 1-26 ส.ค. ต่างชาติซื้อสุทธิจำนวน 52,112 ล้านบาท และเป็นปรากฏการณ์ของเดือนนี้ที่ ต่างชาติซื้อต่อเนื่องมาเกือบจะทั้งเดือน มีขายแค่วันเดียวเท่านั้น

จากตัวเลขการสะสมหุ้นไทยของต่างชาติ ตั้งแต่ต้นปีจนถึงปัจจุบัน หรือ ต้นเดือน ส.ค. จนถึงปัจจุบัน สามารถฟันธงได้เลยว่า เป็นการซื้อเพื่อลงทุนยาวอย่างน้อย 6 เดือนขึ้นไป

เหตุผล สำหรับการฟันธง เนื่องจากวอลุ่มเทรดเฉลี่ยต่อวันอยู่ที่ประมาณ 6-7 หมื่นล้านบาทต่อวัน ทำให้ยากต่อการทยอยเทขายหุ้นที่ถืออยู่ออกมา เพราะต่างชาติเป็นกลุ่มที่ซื้อสุทธิอยู่เพียงกลุ่มเดียวเท่านั้น ในขณะที่ กองทุน-รายย่อย ขายสุทธิมาตลอดทาง

โดยดัชนีที่ปรับตัวขึ้นมาจากจุดต่ำสุดที่ 1,517 จุด ขึ้นมาจุดสูงสุด 1,650 จุด เพิ่มขึ้น 133 จุด ซึ่งถือว่าน้อยมาก ถ้าพูดถึงในแง่ของ เกมหุ้น เมื่อเทียบกับ เม็ดเงินต่างชาติที่ซื้อสะสม ซึ่งไม่เพียงพอที่จะรับแรงขายจากการซื้อสะสมของต่างชาติได้ หรืออธิบายง่าย ๆ ว่า ดัชนี 133 จุด ไม่เพียงพอที่จะรับแรงขายที่ไหลลงมาที่จุดต่ำสุด (1,517 จุด) ถ้าหลุดตรงจุดนี้ คือ ต่างชาติ จะเสียเปรียบ เพราะต่างชาติ เป็นกลุ่มที่ซื้อหุ้นขึ้นมาจากดัชนีที่จุดต่ำสุดของรอบนี้ (15 ก.ค. 65)

เราเชื่อว่า ต่างชาติ รู้ตัวดีอยู่แล้วว่าทำอะไรอยู่ รู้ดีว่าสภาพคล่องในเรื่องวอลุ่มเทรดของบ้านเรา กับ สถานะการสะสมหุ้นเข้าพอร์ตที่ทำอยู่ มันสวนทางกัน

สำหรับประเด็นที่ทำให้ต่างชาติ มั่นใจในหุ้นไทย คือ 2 เรื่อง

1.มองการฟื้นตัวของประเทศในอีก 1-2 ปีข้างหน้า ของประเทศที่ยังไม่กลับสู่สภาวะปกติอย่างประเทศไทย

2.ความชัดเจนที่มีแนวโน้มไปสู่ความมีประชาธิปไตยอย่างน้อย 75% จากเดิมที่ก่อนหน้านี้มีแค่ 50% หรือมีประชาธิปไตยครึ่งใบ

สุดท้ายแล้ว คงจะมีคำถามตามมาอีกว่าเวลาจะเทขาย ต่างชาติจะออกท่าไหนกัน ซึ่งเชื่อว่าคงมีทางออกที่อยู่ในใจของต่างชาติอยู่แล้ว เพียงแต่วันนี้เรายังนึกไม่ออกเท่านั้นเอง

Back to top button