เรื่องประหลาด ๆ

ครม.นัดวันที่ 20 ก.ย.ที่ผ่านมา อนุมัติงบลับกระทรวงกลาโหมให้ทันปีงบประมาณ 65 จำนวน 1,321 ลบ. เป็นงบด้านบุคลากรของทบ. 760 ลบ. และงบทอ. 561 ลบ.


ครม.นัดวันที่ 20 ก.ย.ที่ผ่านมา อนุมัติงบลับกระทรวงกลาโหมให้ทันปีงบประมาณ 2565 จำนวน 1,321 ล้านบาท เป็นงบด้านบุคลากรของทบ. 760 ล้านบาท และงบทอ. 561 ล้านบาท

ให้ตงิดสงสัยตอนมาอนุมัติเอาในสัปดาห์ที่ 3 ของเดือน เหลือเวลาสิ้นสุดปีงบประมาณเพียง 10 วันนี่แหละ มันจะเป็นตายร้ายดีอย่างไรหรือ หากไม่ได้งบฯ นี้ เหลือคืนส่งหลวง เพื่อประหยัดเงินแผ่นดินก็ได้นี่

เงิน 1,300 กว่าล้านเดี๋ยวนี้ เอาไปอีลุ่ยฉุยแฉกกันอย่างง่ายดายจริง ๆ งบลับแบบเดียวกับจ่ายเงินสท.-สตท.หญิงกิ๊กส.ว.ไม่รู้ว่ามีอยู่ในกองทัพมากน้อยเพียงใด แต่ก็ร้อนรนจะเบิกจ่ายกันแบบเต็มแม็กซ์

เรื่องประหลาดที่ 2 ก็คือ การอนุมัติงบ 796.67 ล้านบาท เพื่อใช้ต่อสู้คดีระหว่างราชอาณาจักรไทยกับบริษัท คิงส์เกต เจ้าของเหมืองทองอัครา ที่ถูกพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ใช้อำนาจคสช.สั่งปิดเหมืองนั่นแหละ

เดิมงบนี้อนุมัติมาในกรอบปีงบประมาณ 2560-64 มาขอยืดเวลาไปถึงปีงบฯ 66 ปัจจุบันใช้เงินไปแล้ว 731.13 ล้านบาท คงเหลือกรอบที่จะใช้เงินได้อีก 65.54 ล้านบาท

ถามว่าพล.อ.ประยุทธ์ไม่ใช่ “เจ้าหน้าที่รัฐ” ตามคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญใช่หรือไม่?

และในเมื่อไม่ใช่ “เจ้าหน้าที่รัฐ” แล้ว จะมาใช้เงินหลวงไปต่อสู้คดีที่กระทำการเป็นความผิดสำเร็จในยุคคสช.ได้อย่างไร ควรต้องใช้เงินตัวเองมิใช่หรือ!

เรื่องประหลาดที่ 3 ก็คือ คดีโรงพักร้าง 396 สถานี คดีนี้ ปรากฏไม่มีผู้กระทำความผิดสักคนเดียวเลย แต่เกิดความเสียหายต่อรัฐคิดเป็นมูลค่าสูงถึง 5.8 พันล้านบาท โดยรัฐอาจจะเรียกค่าเสียหายได้แต่เพียงบริษัทเอกชนที่กำลังจะล้มละลายแล้วเท่านั้น

โครงการก่อสร้างสถานีตำรวจพร้อมบ้านพักทั่วประเทศ 396 แห่ง มีการเปลี่ยนแปลงระบบการประมูลจากเดิมเป็นการกระจายอำนาจรายภาคมาเป็นการรวมศูนย์ไว้ที่ส่วนกลางกรมตำรวจเพียงแห่งเดียว

ใช้อะไรคิดอ๊ะ! หากไม่โง่บัดซบ ก็ต้องมีเจตนาพิเศษอะไรลึกลับกว่านั้น

การเปลี่ยนแปลงระบบประมูลแบบรายภาคที่สุ่มเสี่ยงจะก่อสร้างเสร็จไม่ทันอยู่แล้ว มารวมศูนย์ที่ส่วนกลาง มันถึงได้กลายเป็นโรงพักร้างโด่เด่มาเป็นเวลากว่าสิบปีไงเล่า

ใครคนสั่งเปลี่ยนแปลงระบบนะ มันโง่บัดซบได้ใจจริง ๆ!

คดีอาญา ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องรอดหมดทุกคน แม้ความผิดสถานเบาเช่น ปฏิบัติหน้าที่โดยประมาทเลินเล่อ ก็ยังไม่ระคายผิวสักนิดเดียว

การสืบสาวเอาเรื่อง “เส้นทางการเงิน” ก็โยงได้แค่ระดับ “ดาบตำรวจ” แต่ก็น่าสงสัยนะว่ารับโอนเงินกว่า 90 ล้านบาทมาได้อย่างไร ป.ป.ช.ที่มีการร้องเปลี่ยนตัวประธานอนุกรรมการฯ ตามคำขอผู้ถูกร้อง ก็ไม่ติดใจสงสัยซะด้วย

คดีนี้ ไม่มีการสืบสวน “เส้นทางการเงิน” เช่นเดียวกับคดีจำนำข้าวและบ้านเอื้ออาทรเหมือนกัน แต่โชคร้าย 2 คดีนั้นไม่รอด

เรื่องประหลาดที่ 4 กรณีนายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ออกมาล้งเล้งก.ล.ต.ทำงานแบบเฉื่อยชา ให้ปรับปรุงการทำงาน หลังปล่อยให้แชร์ฟอเร็กซ์ 3ดีสร้างความเสียหายนับหมื่นล้านบาท

สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ ถึงกับออกแถลงการณ์ด่วน ชี้แจงภารกิจก.ล.ต.มีแค่ 3 อย่าง นั่นคือกำกับดูแลหุ้นทุน หุ้นกู้ และตลาดสินทรัพย์ดิจิทัลเท่านั้น

ฟอเร็กซ์” หรือตลาดซื้อขายเงินตราต่างประเทศ ไม่เกี่ยว ซึ่งผู้ดูแลตลาดซื้อขายเงินตราฯ ก็คือกระทรวงการคลัง เป็นผู้ให้ใบอนุญาตแก่ธนาคารพาณิชย์หรือบริษัทหลักทรัพย์เท่านั้น

บริษัทเอกชนทั่วไป ไม่ได้รับใบอนุญาต ฉะนั้นดูกันง่ายมาก อันไหนฟอเร็กซ์เถื่อนฟอเร็กซ์จริง

แต่หลังก.ล.ต.-แบงก์ชาติ กระทั่งรมว.อาคมชี้แจงแล้ว รมว.ดีอีเอส ก็ยังดึงดันให้ก.ล.ต.ทำหน้าที่ปราบปรามฟอเร็กซ์เถื่อนให้ได้ “ใครไม่ทำ ดีอีเอส” จะทำเอง อันเป็นเรื่องน่าประหลาดและน่าเศร้าใจนัก ที่คนระดับเสนาบดีขาดความรอบรู้อย่างแรง ถึงภารกิจหน้าที่และขอบเขตของหน่วยงานรัฐต่าง ๆ

หน้าที่ปราบฟอเร็กซ์เถื่อน มันเป็นหน้าที่ตำรวจหรือดีเอสไอ เข้าจับกุมได้เลยครับ ยิ่งชักชวนซื้อขายกันทางออนไลน์ก็ยิ่งเข้าทางกระทรวง “ดีอีเอส” นำจับได้เลย…หน้าที่ตัวเองไม่รู้หรือไง!

เรื่องประหลาดที่ 5 คงจะเกิดขึ้นในวันที่ 30 ก.ย.ปลายเดือนนี้แหละ ศาลรัฐธรรมนูญนัดวินิจฉัยวาระดำรงตำแหน่งพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชาครบ 8 ปี อันเป็นสิ่งต้องห้ามตามรัฐธรรมนูญเมื่อไหร่

24 ส.ค. 65 นับแต่เป็นนายกรัฐมนตรีครั้งแรกหลังยึดอำนาจ, หรือเกณฑ์รัฐธรรมนูญปี 2560 ก็จะครบเอาปี 68,หรือจะเอาเกณฑ์เป็นนายกรัฐมนตรีหลังเลือกตั้งปี 62 ก็จะครบเอาปี 70 โน่น

ก็คงจะมีเรื่องประหลาดพิสดารอีกเช่นเคยโรคปัญญาอ่อน คิดเลขไม่เป็น

Back to top button