TKT ปริศนาราคาแรง.!?

น่าประหลาดใจ..!! จู่ๆ ก็เกิดปรากฏการณ์หุ้นบริษัท ที.กรุงไทยอุตสาหกรรม จำกัด (มหาชน) หรือ TKT วิ่งสู้ฟัดหลายภาคติดต่อกัน


น่าประหลาดใจ..!! จู่ ๆ ก็เกิดปรากฏการณ์หุ้นบริษัท ที.กรุงไทยอุตสาหกรรม จำกัด (มหาชน) หรือ TKT วิ่งสู้ฟัดหลายภาคติดต่อกัน จนทำให้ TKT จากเดิมเป็นหุ้นบาทเศษ กะพริบตาทีเดียวยกสถานะเป็นหุ้น 3 บาทเศษซะงั้น…เอาเป็นว่า แค่ 10 วันทำการ ราคาปรับขึ้นไปแล้วเกือบ 80%

โอ้วมายก้อด.! TKT ไปกินดีหมีหัวใจเสือมาจากไหนป๊ะเนี่ย..!! ถึงได้ร้อนฉ่าซะขนาดนี้…

ที่มาที่ไปเกิดจากการที่ KARRIE AUTOMOTIVE INVESTMENT LIMITED (KAI) เดิมถือหุ้น TKT อยู่แล้ว 23.87 ล้านหุ้น คิดเป็น 10% ได้ทำการแปลงสิทธิวอร์แรนต์ TKT-W2 จำนวน 65 ล้านหน่วย และวอร์แรนต์ TKT-W3 จำนวน 48 ล้านหน่วย รวมเป็น 113 ล้านหน่วย ที่ราคาหน่วยละ 1.70 บาท คิดเป็นมูลค่า 192.10 ล้านบาท

ส่งผลให้ KAI ขยับขึ้นเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ TKT แทน “กลุ่มเตชะไกรศรี” ด้วยสัดส่วน 38.99% ทันที..!!

และด้วยเงื่อนไขถือหุ้นเกินสัดส่วน 25% ทำให้ KAI ต้องประกาศตั้งโต๊ะเทนเดอร์ฯ หุ้นที่เหลือทั้งหมดที่ราคาหุ้นละ 1.99 บาท…แต่พอประกาศเทนเดอร์ฯ ปุ๊บ ราคาไปกันใหญ่ จนตอนนี้ราคาในกระดานทะลุ 3 บาทเศษไปแล้ว

น่าแปลก การปรับขึ้นของราคาหุ้น TKT จนทิ้งห่างจากราคาเทนเดอร์ฯ แทบไม่เห็นฝุ่นขนาดนี้ เกิดอะไรขึ้น..?

จะว่าเกิดจากการเก็งกันว่าผลประกอบการในไตรมาส 3/2565 จะฟื้นตัวต่อเนื่อง หลังจากในช่วง 6 เดือนแรกโชว์รายได้รวม 638 ล้านบาท กำไรสุทธิ 14 ล้านบาท…

ผสมโรงกับการก้าวขึ้นเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ของ KAI ซึ่งดีกรีไม่ธรรมดา มีผู้ถือหุ้นใหญ่เป็น Karrie International Holding Limited (Kerrie) เป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฮ่องกง ทำธุรกิจผลิตและจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์โลหะขึ้นรูปและพลาสติก เช่น กล่องเซิร์ฟเวอร์ แม่พิมพ์และผลิตภัณฑ์พลาสติก ธุรกิจให้บริการผลิตอุปกรณ์ทางอิเล็กทรอนิกส์ เช่น การประกอบอุปกรณ์ต่อพ่วงคอมพิวเตอร์และเครื่องมือทางการแพทย์ และธุรกิจอสังหาริมทรัพย์…ก็คงมาช่วยเสริมความแข็งแกร่งให้กับ TKT ได้มากโข

โอเค…ทั้ง 2 ประเด็นก็พอฟังขึ้นแหละ แต่คงไม่ใช่ทั้งหมดหรอกมั้ง..?

เอ๊ะ…หรืองานนี้เป็นการยื้อกันระหว่างกลุ่ม KAI กับกลุ่มผู้ถือหุ้นเดิมเพื่อดันราคา…เพื่อให้ปรับราคาเทนเดอร์ฯ สูงขึ้นอ๊ะป่าว..!? เพราะคนอยากออก ก็คงอยากขายที่ราคาสูง ๆ จริงมั้ย…

เหตุการณ์ลักษณะนี้เคยเกิดกับหลายหุ้นที่เจ้าของเดิมไม่ยอมไป อยากขายราคาสูง ๆ ก็เลยดันราคาหุ้นในกระดานให้สูงกว่าราคาเทนเดอร์ฯ เพื่อให้มีการปรับราคาเทนเดอร์ฯ ตาม

กรรมเดียวกัน…วาระเดียวกัน ถ้า KAI ไม่ปรับราคาเทนเดอร์ฯ ก็คงไม่มีใครบ้าบิ่นขายหรอก…เชื่อขนมกินได้เลย

ซึ่งในมุมของ KAI ที่ต้องจำใจทำเทนเดอร์ฯ เสียมิได้นั้น แม้ไม่ได้รวบหัวรวบหาง TKT แบบเบ็ดเสร็จ ก็ไม่ได้เสียหายอะไร กลายเป็นเรื่องดีเสียด้วยซ้ำ เพราะ 1) ไม่ต้องเสียเงินซื้อหุ้นเพิ่ม และ 2) ด้วยสัดส่วน 38.99% ก็เพียงพอแล้วที่จะเข้ามากุมอำนาจการบริหารจัดการ เบียดบัง “กลุ่มเตชะไกรศรี” ไปโดยปริยาย…

ส่วน “กลุ่มเตชะไกรศรี” แม้จะเสียอำนาจความเป็นเจ้าของไป แต่ด้วยความยังถือหุ้นอยู่ (ตามที่เป็นข่าวเห็นว่าจะไม่ขายหุ้นให้กับ KAI นะ) ก็ได้แคปปิตอลเกนไป เพราะราคาวิ่งไป 3 บาทเศษแล้ว

แต่ถ้า KAI ใจป้ำปรับราคาเทนเดอร์ฯ ก็คงอิ่มเอมกันถ้วนหน้า…

สุดท้ายต้องดูว่า KAI จะปรับมั้ย..??? และเกมนี้จะยืดเยื้อแค่ไหน..??? โปรดติดตามตอนต่อไป…

แต่ถ้าย้อนไปสัก 20 ปีที่แล้ว คงจำกันได้ เกมลักษณะนี้เคยเกิดขึ้นกับหุ้นบริษัท ฟินิคซ พัลพ แอนด์ เพเพอร์ จำกัด (มหาชน) PPPC มาแล้วนะ..!!???

ถ้าใครอยากรู้…ส่งเสียงบอกกล่าวมาละกัน โอกาสหน้าจะมาเล่าให้ฟัง รับรองมันส์หยดย้อยไม่แพ้กัน..!!!

…อิ อิ อิ…

Back to top button