ไม่ไป..ก็ขาย

สิ่งที่ทำให้ “โมนิก้า” รู้สึกสบายใจอย่างหนึ่งคือ ทิศทางเศรษฐกิจกำลังดีขึ้นต่อเนื่อง และกำลังซื้อของผู้คนก็มีมากขึ้นเช่นกัน


สิ่งที่ทำให้ “โมนิก้า” รู้สึกสบายใจอย่างหนึ่งคือ ทิศทางเศรษฐกิจกำลังดีขึ้นต่อเนื่อง และกำลังซื้อของผู้คนก็มีมากขึ้นเช่นกัน รวมทั้งผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนที่เข้ามาแล้ว หรือเพิ่งเข้าตลาดหุ้นมาหมาด ๆ ก็มีลู่ทางที่สดใสขึ้นกว่าเมื่อก่อน จึงทำให้เดี๊ยนมั่นใจว่า ตลาดหุ้นไทยจะเคลื่อนตัวในทิศทางขาขึ้นอย่างแข็งแกร่ง เพราะปัจจัยลบที่เป็นตัวกัดกร่อนความมั่นใจในการลงทุนเริ่มสลายไปทีละเรื่องน่ะซี

ถึงกระนั้นก็ยังมีเรื่องที่คอยรบกวนจิตใจเข้ามาจนได้ เพราะการที่ดัชนีไม่สามารถพลิกแนวต้านให้กลายเป็นแนวรับตรงบริเวณ 1,620 จุด มันคือการย้ำหัวหมุดให้รู้ว่า นักเล่นยังไม่กล้าลุยสุดซอย ผนวกกับสัญญาณเทคนิคบางตัวเริ่ม overbought” จึงเป็นตัวแปรที่ทำให้ “โมนิก้า” ต้องจั่วหัวออกไปแบบนั้น เพราะในทางทฤษฎีมันมีหลายอย่างมาบรรจบกันพอดี เลยทำให้ในทางปฏิบัติอาจต้องเป็นอย่างนั้นเจ้าค่ะ

ฉะนั้นการที่ดัชนีพยายามวิ่งฝ่าแนวต้านสำคัญในช่วงบ่าย และทำสำเร็จด้วยการยืนปิดที่ระดับ 1,625.73 จุด บวกไป 16.97 จุด ท่ามกลางมูลค่าการซื้อขาย 6.84 หมื่นล้านบาท เท่ากับสื่อเป็นนัยว่า แรงซื้อจากต่างชาติกลับเข้ามารอบใหม่จริง ๆ ซึ่งเห็นได้จากหุ้นบลูชิพเริ่มมีอาการปิดเขียวถี่ขึ้นเรื่อย ๆ แต่กระนั้นก็ขอเดาว่า อาจมีการเขย่ารอบใหญ่อีกครั้ง ซึ่งจะเป็นช่วงเวลาเดียวกับเฟดอัดยาแรงด้วยการเร่งขึ้นดอกเบี้ย หลังจากเคยประกาศไว้ก่อนหน้านี้..จำกันได้ไหมคะ

ที่สำคัญคือเดี๊ยนไม่อยากเห็นดัชนีกลับลงไปอยู่ต่ำกว่า 1,620 จุด แต่ด้วยสถานการณ์หลายอย่างมันโอนเอนให้เชื่อเช่นนั้น จึงอยากแนะนำแฟนคลับให้ทำตัวลู่ลมไปตามกระแส ส่วนคนที่คิดว่า “จิตแข็ง” และพร้อมรับมือกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น ก็ให้เตรียมกระสุนดินดำไว้ช้อนหุ้นเพื่อเล่นรอบ หลังเห็นกันตำตาว่า จำนวนนักท่องเที่ยวทะลักเข้าไทยจนสนามบินสุวรรณภูมิแทบแตก (ระบบจัดการยังแย่เหมือนเดิม) มันหมายถึงเม็ดเงินในระบบสะพัดแน่ ๆ พะย่ะค่ะ

โมเมนตัมดังกล่าวทำให้ปูนใหญ่ SCC กลับมาเปล่งแสงออร่าออกมาอีกครั้ง เพราะในมุมของการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจในมิติต่าง ๆ ย่อมเป็นผลดีกับบริษัทนี้เต็ม ๆ “โมนิก้า” ถึงไม่มีอะไรขัดข้องเมื่อเห็นราคาหุ้นวิ่งขึ้นมาปิดที่ 337 บาท บวกไป 13 บาท หรือขึ้นไป 4% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 2.35 พันล้านบาท เพราะราคาที่เห็นตอนนี้ มันเป็นการเทรดบน P/E 12 เท่า ซึ่งเป็นระดับที่ถูกมาก ๆ เมื่อเทียบแวลูที่จะเพิ่มขึ้นในอนาคตนะจ๊ะ

เมื่อตัวแม่เริ่มมีชีวิตชีวาขึ้นกว่าเดิม ตัวลูกย่อมกระดี๊กระด๊าตามไปด้วย “โมนิก้า” ถึงมองการขยับขึ้นของ SCGP น่าสนใจขึ้นมาทันที เพราะการยืนปิดที่ระดับ 53.50 บาท บวกไป 1.50 บาท หรือขึ้นไป 2.90% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 1.04 พันล้านบาท เป็นการปิดเท่ายอดเดิมครั้งก่อน เที่ยวนี้จึงมีลุ้นเห็นราคาหุ้นวิ่งทะลุแนวต้าน 55 บาท และมีโอกาสวิ่งขึ้นไปทดสอบ 59 บาทอีกครั้งนะตัวเอง

ส่วนรายที่เริ่มกลับมาเล่นใหม่แบบสบาย ๆ SABUY ก็เป็นหุ้นที่น่าสนใจไม่ใช่น้อย เพราะหุ้นเพิ่งกลับมาอยู่ในโมเมนตัมขาขึ้น ประกอบกับกำไรน่าจะออกมาโตตามคาด “โมนิก้า” ถึงมองการยืนปิดที่ระดับ 13.70 บาท บวกไป 1 บาท หรือขึ้นไป 7.90% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 498 ล้านบาท เหมาะต่อการตามน้ำแบบไม่มีข้อสงสัย..ยกเว้นอย่างเดียวคือ ใจนักเล่นเชื่อมั่นในเรื่องผลประกอบการแค่ไหน? (ถ้าปีนี้กำไรต่อหุ้นทำได้ถึง 0.70 บาท ราคาแถวนี้ก็ชิลมาก)..อิอิอิ

ในเมื่อทุกอย่างกลับมาคึกคัก น่าจะทำให้หุ้นขนส่งอย่าง III กลับมาผงาดบนเวทีนี้อีกครั้ง และการที่หุ้นขึ้นมาปิด 13.70 บาท บวกไป 0.90 บาท หรือขึ้นไป 7% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 192 ล้านบาท ก็ทำให้ความน่าสนใจเพิ่มขึ้นเป็นกอง เพราะบนสมมติฐานที่ว่า กำไรต่อหุ้นปีนี้ทำได้ดีสุด ๆ จนขึ้นมาอยู่ที่ 0.70 บาท ต่อจากนั้นนำมาเทียบกับ พีอี 20 เท่า ก็จะทำให้นักเล่นเห็นราคาหุ้นยืนที่ 14 บาทสบาย ๆ แต่ถ้าให้พีอีมากไปกว่านั้น เป้าก็จะขยับขึ้นไปอีก..คุณ ๆ ท่าน ๆ เชื่อไหม!

เม้าท์ถึงเรื่องความเชื่อขึ้นมาทั้งที “โมนิก้า” ก็ต้องมองไปที่ของร้อนอย่างหุ้นน้องใหม่ PCC กันสักหน่อย เพราะจนป่านนี้ก็ยังไม่เห็น เสี่ย ป. คนดังขยับอะไรสักที! บรรดาขาเผือกเลยสงสัยว่า เสี่ยลายครามอาจถอนตัวแล้วก็เป็นไปได้ ราคาหุ้นถึงอ่อนตัวลงมาปิดที่ระดับ 3.50 บาท ลบไป 0.10 บาท หรือลงไป 2.80% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 135 ล้านบาท เพราะบรรยากาศลงทุนแบบนี้..มันต้องตบเกียร์ห้า เพื่อลุยสุดซอยไปเลยซิป๋า!

Back to top button