หลอกไปเชือด?

“โมนิก้า” รู้สึกดีใจเป็นอย่างมากที่เห็นดัชนีทะยานขึ้นอย่างร้อนแรง ก่อนจะปิดไปที่ระดับ 1,577.18 จุด +21.73 จุด ด้วยมูลค่าซื้อขาย 5.33 หมื่นลบ.


อันที่จริง “โมนิก้า” รู้สึกดีใจเป็นอย่างมากที่เห็นดัชนีทะยานขึ้นอย่างร้อนแรง ก่อนจะปิดไปที่ระดับ 1,577.18 จุด บวกไป 21.73 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 5.33 หมื่นล้านบาท เพราะแสดงให้เห็นนักลงทุนจำนวนหนึ่งยังมีความเชื่อมั่นต่อตลาดหุ้นไทย จึงกระโดดเข้ามาตะลุมบอน (กองทุน) เมื่อความกังวลคลี่คลายไปทีละเปราะ ซึ่งเป็นโมเมนต์หวานชื่นในช่วงระยะเวลาสั้น ๆ ที่นักลงทุนถวิลหาเป็นเวลาเดือนครึ่งนะจะบอกให้

ถึงกระนั้นก็ต้องเม้าท์กันตามตรงว่า ทุกคนเคยเห็นเหตุการณ์ทำนองนี้เกิดขึ้นหลายครั้ง แต่สุดท้ายดัชนีก็ทรุดตัวลงมาทำจุดต่ำสุดใหม่ให้เห็นตลอดเวลาเช่นกัน “โมนิก้า” จึงขอตั้งคำถามกับแฟนคลับว่า แนวทางที่มะกันแก้ปัญหาแบงก์ล้มมันยั่งยืนขนาดไหน? หรือเป็นแค่การเอาสำลีมาอุดแผลเพื่อให้เลือดหยุดไหลชั่วคราว? รวมทั้งการแก้ปัญหาเงินเฟ้อด้วยการใช้นโยบายขึ้นดอกเบี้ยแบบฮาร์ดคอร์ ยังมีโอกาสที่เฟดจะทำอีกไหม?

เหล่านี้เป็นข้อมูลปฐมบทที่แฟนคลับของ “โมนิก้า” ต้องเข้าใจภาพใหญ่ให้ได้เสียก่อน ต่อจากนั้นจะเข้าใจเหตุลผลที่ดัชนีเด้งกลับเป็นช่วง ๆ และตัวอย่างที่เห็นได้ชัดสุดคือ ช่วงที่ดัชนีประคองตัวที่บริเวณ 1,600 จุดระยะหนึ่ง ต่อจากนั้นก็ทรุดฮวบลงมาอย่างรวดเร็ว พร้อมกับลงไปทำโลว์ที่บริเวณ 1,518 จุด ก่อนจะตีกลับขึ้นอย่างร้อนแรงตามข่าวดีที่ทยอยออกมาเป็นรอบ ๆ ไงล่ะคะ

ที่สำคัญอีกอย่างหนึ่งคือ นักลงทุนกลุ่มไหนจะเป็นคนไฝว้กับพวกฝรั่งหัวทองเพราะแรงขายที่ออกมาหนัก ๆ ก็มาจากนักลงทุนกลุ่มนี้ทั้งนั้น (วานนี้ขายออกมาอีกพันสองร้อยล้าน) “โมนิก้า” ถึงพยายามชี้ให้เห็นทั้ง “อุปสรรค” และ “โอกาส” ในคราวเดียวกัน เพราะเกมหุ้นเที่ยวนี้เขาวัดกันที่ใคร “ใจเด็ด” กว่ากัน! เนื่องจากภาพของตลาดหุ้นไทยยังเป็นลักษณะ “สามวันดี สี่วันไข้” จึงต้องกำหนดเกมที่เล่นในแต่ละวันให้ชัดเจน และไม่ควรหลงเข้าไปเล่นเกมของคนอื่นนะจ๊ะ

เหมือนกับเกมที่เกิดขึ้นกับหุ้น BTS ภายใต้การกุมบังเหียนของเฮีย “คีรี” ก็กลายเป็นเกมหนักสำหรับคนถือหุ้น เพราะแทบจะมองไม่เห็นประตูชนะแบบเบ็ดเสร็จเด็ดขาด “โมนิก้า” ถึงเข้าใจสาเหตุที่ราคาหุ้นโรยตัวลงมาเรื่อย ๆ จนวานนี้หุ้นยืนปิดที่ระดับ 7 บาท บวกไป 0.05 บาท หรือขึ้นไป 0.70% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 275 ล้านบาท เพราะความวุ่นวายที่เกิดขึ้นเที่ยวนี้ มันกลายเป็นเรื่องที่ “ชี้เป็น ชี้ตาย” อนาคตของบริษัท เลยไม่มีใครอยากไปเสี่ยงชีวิตกับเฮียไงล่ะคะ

ไหน ๆ มาด้วยเรื่องที่พัวพันกับการเมืองขึ้นมาทั้งที “โมนิก้า” คงต้องเอ่ยถึงหุ้น SC เพื่อชี้ให้เห็นเสียงเม้าท์มอยของชาวหุ้นกันสักหน่อย! เพราะการขึ้นลงของหุ้นถูกจับโยงกับประเด็นร้อนมากมาย ไล่เรียงตั้งแต่สมัยทุนจีนสีเทา จนมาถึงเรื่องราวฟ้องร้องของตระกูล “รัตนพันธ์” มันเป็นเรื่องที่ละเหี่ยใจสำหรับคนที่ติดตามหุ้นตัวนี้ และการลงมายืนปิดที่ 4.18 บาท ลบไป 0.22 บาท หรือลงไป 5% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 191 ล้านบาท ก็ยากที่จะอธิบายว่า เกิดจากอะไรเจ้าค่ะ

ส่วนรายที่เด้งรับการคัมแบ็คของ “บิ๊กต้อย” อย่างเป็นทางการ และทำให้นักลงทุนรู้สึกอุ่นใจมากขึ้น คงต้องมองไปที่หุ้น ACE เป็นรายถัดมาแบบไม่ลังเลใจ เพราะการขึ้นมายืนปิดที่ระดับ 2.42 บาท บวกไป 0.18 บาท หรือขึ้นไป 8% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 121 ล้านบาท เหมือนเป็นการบอกใบ้ให้รู้ว่า ธุรกิจจะกลับมาเดินหน้าเต็มตัว และจังหวะนี้ต้องโหนกระแสความเชื่อมั่นแบบสุดซอยไปเลยคุณแม๊!

ประเด็นข้างต้นทำให้ “โมนิก้า” อยากเอ่ยถึงหุ้น ZIGA ขึ้นมาทันที เพราะการทะยานขึ้นอย่างร้อนแรงเป็นวันที่สอง ก่อนจะปิดไปที่ระดับ 3.46 บาท บวกไป 6.80 บาท หรือขึ้นไป 6.80% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 355 ล้านบาท ล้วนเป็นผลมาจาก “บิตคอยน์” กลับมาเป็นขาขึ้นรอบใหม่ จึงทำให้เจ้าพ่อเหมืองเตรียมรับทรัพย์ก้อนโตในอนาคต และถ้ามองในมุมของ “มันนี่เกม” ก็ทำให้เชื่อว่า พวกขาซิ่งจะเล่นกันใหญ่อีกเหมือนที่เคยเกิดขึ้นในช่วงต้นปีก่อนไงล่ะคะ

ในเมื่อเม้าท์ถึงหุ้นที่มาในแนวความเชื่อขึ้นมาทั้งที ก็ควรเม้าท์ถึงนิยายออนไลน์อย่าง GLORY กันสักหน่อย! เพราะการผงกหัวขึ้นรอบใหม่เที่ยวนี้ ไม่มีอะไรมาการันตีจะไปได้ยาว? จึงเป็นเกมหุ้นที่แมงเม่าต้องเดิมพันสูง  หลังหุ้นยืนปิดที่ระดับ 4.24 บาท ลบไป 0.02 บาท หรือลงไป 0.50% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 103 ล้านบาท มันเป็นการเทรดบน PE 40 เท่า ซึ่งเป็นระดับที่เขาเรียกว่า โอเว่อร์แอคติ้ง! ส่วนจะจริงเท็จประการใด เดี๊ยนขอแนะนำให้ปูเสื่อกินเผือกรอไปก่อนดีกว่านะจ๊ะ

Back to top button