ตั้งหลักที่ 1,520 จุด

สถานการณ์ของตลาดหุ้นไทยในช่วงฟ้าหม่นหมอง เป็นอะไรที่ดูย่ำแย่ไปหมดทุกอย่าง เพราะหุ้นที่ควรจะขึ้นยาว ๆ ก็โดนถล่มขายตลอดเวลา


สถานการณ์ของตลาดหุ้นไทยในช่วงฟ้าหม่นหมอง เป็นอะไรที่ดูย่ำแย่ไปหมดทุกอย่าง เพราะหุ้นที่ควรจะขึ้นยาว ๆ ก็โดนถล่มขายตลอดเวลา ส่วนหุ้นที่ทำผลงานไตรมาส 1 ไม่เอาอ่าว ก็ถูกขายประหนึ่งเหมือนบริษัทกำลังเจ๊ง ส่งผลให้ตลาดหุ้นไหลลงแบบไม่มีกำหนด เพราะไม่มีสตอรี่ไหนที่จะเข้ามาช่วยพยุงตลาดหุ้น ผนวกกับทุกคนมองเหมือนกันว่า ดัชนีน่าจะไปตั้งหลักที่บริเวณ 1,520 จุดแบบนี้..ก็ขายทิ้งกันลูกเดียวสิแม่!

ฉะนั้นการที่ดัชนีลงมายืนปิดที่ระดับ 1,531.23 จุด ลบไป 12.72 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 4.36 หมื่นล้านบาท จึงเหมือนเป็นการบอกใบ้ให้รู้ว่า ถ้าไม่แน่จริงอย่าเข้ามา! เพราะเวลานี้เป็นเกมหุ้นขาลง ซึ่งทุกคนพร้อมจะขายทิ้งแบบไม่มีเยื่อใยเมื่อเดาทางผิด ส่งผลให้สถานการณ์ของตลาดหุ้นดูไม่ดีเอาเสียเลย และทำให้การเล่นหุ้นต่อจากนี้ยากขึ้นอย่างแน่นอน หลังเซียนหุ้นเจ็บตัวกันเป็นแถวไงล่ะจ๊ะ

งานนี้เลยไม่มีความจำเป็นต้อง “โทษโน่น โทษนี่” ให้เสียอารมณ์ เพราะแค่รู้ว่า กำไรไตรมาส 1 ควรจะออกมาดีเหมือนที่คาดการณ์ ก็จะทำให้แรงขายเบาลงอย่างมีนัยสำคัญ ซึ่งจะเปิดช่องให้พวกที่มีเงินเย็นเข้ามาช้อนหุ้นเมื่อลงมาถึงแนวรับสุดท้าย และประเด็นนี้ก็นำมาสู่ข้อถกเถียงที่ว่า ถึงเวลาที่ต้องล้างพอร์ตหรือยัง? ซึ่งเป็นเรื่องที่นักเล่นต้องกลับมานอนคิดเป็นการบ้านนะคะ

คล้ายกับสถานการณ์ของหุ้น NEX ที่ร่วงหล่นแบบไม่มีดิสเบรก มันมองได้ 2 มุมคือ “กำไรพลาดเป้า” กับ “ถูกบังคับขาย” ส่งผลให้ราคาหุ้นไหลลงร่วมสัปดาห์ จนมองไม่เห็นจุดเด้งกลับอยู่ตรงไหน? “โมนิก้า” ย่อมมองเป็นเกมเสี่ยงที่ไม่น่าเข้าไปยุ่งในเวลานี้ หลังราคาหุ้นทรุดอย่างต่อเนื่อง 6 วัน ก่อนจะยืนปิดที่ระดับ 10.60 บาท ลบไป 0.90 บาท หรือลงไป 7.85% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 112 ล้านบาทแบบนี้..น่ากลัวไหมคะ

เช่นเดียวกับแรงขายที่สาดใส่หุ้นอาหารหมาแมวอย่าง ITC แบบไม่มียั้งคราวนี้ ก็มาจากกำไรไตรมาส 1 ลดไปครึ่งหนึ่ง ทั้งที่ก่อนหน้านี้เชื่อว่า ผลงานน่าจะออกมาดี! จึงกลายเป็นหนามที่ย้อนกลับมาทิ่มแทงราคาหุ้นอย่างหนักหน่วง วานนี้ถึงเห็นราคาหุ้นทรุดลงมากองอยู่ที่ระดับ 22.50 บาท ลบไป 1.40 บาท หรือลงไป 5.85% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 179 ล้านบาทแบบไร้เรี่ยวแรงที่จะสู้กลับ และเป็นเรื่องที่น่าผิดหวังพะย่ะค่ะ

อีกรายที่ทำท่าจะมีปัญหากำไรคล้ายกับรายข้างต้น “โมนิก้า” คงหันไปมองหุ้น PRM เป็นรายถัดมา เพราะการทิ้งตัวลงมาปิดที่ระดับ 6.15 บาท ลบไป 0.40 บาท หรือลงไป 6.10% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 144 ล้านบาท พร้อมกับดิ่งลงแรง 3 วันติดแบบนี้ “โมนิก้า” ถือเป็นสัญญาณอันตรายที่นักเล่นต้องพากันหนีตาย เพราะอาการเสียทรงที่เกิดขึ้นเที่ยวนี้น่าจะลากยาวนะจะบอกให้

คล้ายกับสถานการณ์ของหุ้น KCE ที่ยังถูกรินขายไม่เลิกสักทีนั้น “โมนิก้า” มองเป็นเรื่องของธุรกิจที่เข้าสู่จุดอิ่มตัว และกำลังเข้าสู่ช่วงของการถดถอย ทุกคนเลยมองไปในทางเดียวกันว่า กำไรไม่มา! และนำไปสู่การขายแบบมาราธอน วานนี้ถึงเห็นหุ้นลงมาปิดที่ระดับ 37.75 บาท ลบไป 1.25 บาท หรือลงไป 3.15% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 411 ล้านบาท พร้อมกับทำโลว์ในรอบ 2 ปี 5 เดือนแบบนี้..มีสิทธิ์ได้เห็นโลว์ใหม่อีกนะจ๊ะ

ส่วนหุ้นไซด์เล็กที่ทิ้งดิ่งแบบลงลูกเดียว และโมเมนตัมของหุ้นไม่ค่อยดี คงต้องชี้เป้าไปที่หุ้น IIG เพื่อทำให้เห็นว่า การลงมายืนปิดที่ระดับ 30.75 บาท ลบไป 2.75 บาท หรือลงไป 8.20% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 67 ล้านบาท มันไม่ใช่เหตุการณ์ที่เพิ่งเกิดขึ้นครั้งแรกก็จริง เพียงแต่ครั้งนี้เป็นการลงแรงพร้อมบรรยากาศลงทุนที่ขมุกขมัว ผนวกกับมีความกังวลเกี่ยวกับกำไรจะไม่มาตามนัด เลยพากันชิงขายไปก่อนเจ้าค่ะ

เม้าท์ถึงเรื่องชิงขายหุ้นขึ้นมาทั้งที “โมนิก้า” ก็มีความจำเป็นที่ต้องเอ่ยถึงหุ้น KJL อีกเช่นกัน เพราะการไหลรูดลงมาปิดที่ระดับ 11.30 บาท ลบไป 1.80 บาท หรือลงไป 13.75% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 49 ล้านบาท มันเป็นอะไรที่น่ากลัวมาก ๆ สำหรับหุ้นที่ไหลลง 5 วันติด ๆ เพราะมันอาจหมายความว่า สถานการณ์ต่อจากนี้จะเปลี่ยนไปอย่างมีนัยสำคัญ และส่วนหนึ่งน่าจะเป็นผลมาจากหุ้นปันผลนะตัวเอง

Back to top button