หมดแรงต้านทานโมนิก้าและทีมงาน

*หากวิเคราะห์สถานการณ์ของตลาดหุ้นไทยจาก “แรงซื้อ” กับ “แรงขาย” ก็ต้องยอมรับโดยดุษฎีบัณฑิตว่า “หมดแรงต้านทาน” ดัชนีถึงห้อยหัวลงต่องแต่ง พร้อมกับแสดงอาการ “ขี้ผึ้งลนไฟ” ล้วนเป็นภาพที่ฟ้องให้รู้ว่า ไม่มีใครอยากจะถือหุ้นอีกต่อไป หลังจากตลาดหุ้นถูกรุมล้อมด้วยปัจจัยลบนานัปการ และหนึ่งในมูลเหตุที่ทำให้สถานการณ์เลวร้ายลงเรื่อยๆ ก็หนีไม่พ้นราคาน้ำมันที่อ่อนตัวลงอย่างหนักไงล่ะค่ะ


*หากวิเคราะห์สถานการณ์ของตลาดหุ้นไทยจาก “แรงซื้อ” กับ “แรงขาย” ก็ต้องยอมรับโดยดุษฎีบัณฑิตว่า “หมดแรงต้านทาน” ดัชนีถึงห้อยหัวลงต่องแต่ง พร้อมกับแสดงอาการ “ขี้ผึ้งลนไฟ”  ล้วนเป็นภาพที่ฟ้องให้รู้ว่า ไม่มีใครอยากจะถือหุ้นอีกต่อไป หลังจากตลาดหุ้นถูกรุมล้อมด้วยปัจจัยลบนานัปการ และหนึ่งในมูลเหตุที่ทำให้สถานการณ์เลวร้ายลงเรื่อยๆ ก็หนีไม่พ้นราคาน้ำมันที่อ่อนตัวลงอย่างหนักไงล่ะค่ะ

*ด้วยเหตุนี้ถึงไม่มีความจำเป็นต้องไปสืบเสาะเรื่องราวต่างๆ ให้เสียเวลาเทรดหุ้น เพราะสิ่งที่เห็นกันอย่างทนโท่ในเวลานี้คือ เอาไม่อยู่! เพราะพ่อทูนหัวทั้งหลายเทขายหุ้นทิ้ง ชนิดที่ไม่ต้องโงหัวทำอะไรกันเลย วานนี้ถึงเห็นดัชนีดิ่งลงมาปิดที่ 1,280.92  จุด ลบไป 16.90 จุด ด้วยมูลค่า 4.80 หมื่นล้านบาท “โมนิก้า” ถึงวิงวอนให้ผู้ที่เกี่ยวข้องกับตลาดหุ้นออกมาพูดความจริงกันสักทีว่า หมดปัญญาจะสร้างความเชื่อมั่นแล้วใช่ไหม?

*ถ้าเป็นเช่นนั้นจริงๆ “โมนิก้า” จะได้ให้นักลงทุนพิจารณาข้อมูลรอบด้านอีกครั้งว่า สมควรที่จะถือหุ้นต่อไปไหม? เพราะสถานการณ์ล่าสุดดูเหมือนจะแย่ลงเรื่อยๆ โดยเฉพาะหุ้นกลุ่มพลังงานมีอาการที่น่าเป็นห่วงมากสุด แรงเทขายกระหน่ำออกมาอย่างหนักหน่วงราวกับว่า บริษัทกำลังจะเจ๊ง? ส่วนหุ้นกลุ่มแบงก์ก็ไม่ต่างกันสักเท่าไหร่ แถมตลอดทั้งวันโดนกระทำชำเราแบบไม่หยุดหย่อนแบบนี้..ปวดตับอย่างแรงนะคะ

*ที่สำคัญคือ พฤติกรรมของนักเล่นในวันนี้ยึดหลัก “ขายทิ้งไว้ก่อน ค่อยถามทีหลัง” ภาพของการลงทุนวันนี้ถึงเป็นลักษณะกระต่ายตื่นตูมไม่หยุดหย่อน แต่เมื่อดูปัจจัยรอบด้านที่เกิดขึ้น มันทำให้นักเล่นต้องทำตัวเช่นนั้นจริงๆ “โมนิก้า” ถึงไม่ถือโทษโกรธเคืองคนที่สาดหุ้นออกมาอย่างหนัก เพราะมันเป็นเกมการเงินที่ใครอ่านเกมได้ก่อน ย่อมไหวตัวทันก่อนที่ภัยจะมาถึงตัวก็เท่านั้นเองเจ้าค่ะ

*เหมือนกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับ BBL KBANK SCB และKTB อาจเป็นสถานการณ์ที่ย่ำแย่สุดๆ  ในรอบหลายปี และยังมีปัญหาให้ขบคิดอีกหลายเรื่องในอนาคตนั้น ล้วนเป็นผลกระทบทางจิตวิทยาที่เกิดจาก MSCI เริ่มทำการปรับลดน้ำหนักหุ้นกลุ่มแบงก์ และคนที่โดนผลพวงดังกล่าวเล่นงานเต็มๆ ในคราวนี้ก็คือ แบงก์ตราดอกบัว ราคาหุ้นถึงกลิ้งเกลือกลงไปนอนอยู่กับพื้น ส่วนอีกรายที่น่าเป็นห่วงพอกันคงหนีไม่พ้นแบงก์สีเขียว กูรูหลายคนชมดีอย่างนั้น ชมดีอย่างนี้ แต่ราคาหุ้นกลับรูดลงอย่างต่อเนื่อง ส่วนอีก 2 รายที่เหลือ เรียกได้ว่าหมดสภาพไปตามกันพะยะค่ะ

*ผิดกับในรายของ AOT  รายนี้มีดีตรงที่รายได้และกำไรโตขึ้นทุกปี แถมธุรกิจก็ผูกขาดแต่เพียงผู้เดียว “โมนิก้า” ถึงเห็นหุ้นพุ่งสวนกระแสอย่างแข็งแกร่ง ก่อนจะจบที่ระดับ 327 บาท บวกไป 13 บาท ด้วยมูลค่า 1.25 พันล้านบาท มองในมุมไหน ก็ไม่ใช่เรื่องแปลก เพราะของมันเห็นกันอยู่แล้วว่า คนที่มีเงินเย็นเข้าลงทุนได้สบายๆ วันนี้ถึงมีคำแนะนำให้ “ซื้อ” ออกมาไม่หยุดหย่อนไงล่ะค่ะ

*ส่วนในรายของ TKN ถือเป็นหุ้นที่เริ่มเข้าสู่โซนเหลือง และในไม่ช้าคงเข้าสู่โซนแดง หลังหุ้นกระชากขึ้นมาปิดที่ 8.45 บาท บวกไป 1.75 บาท หรือขึ้นไป 26% ด้วยมูลค่า 4.18 พันล้านบาท “โมนิก้า” ถือเป็นจังหวะคาบลูกคาบดอกที่นักเล่นต้องเริ่มคิด เพราะเมื่อดูจากค่า P/E ที่ระดับ 30 เท่า มันเป็นระดับที่สูงเกินไปเมื่อเทียบกับสิ่งที่เป็นอยู่ ณ เวลานี้ วันนี้ถึงต้องเริ่มคิดกันสักที ได้เวลาขายหรือยัง?

*เหมือนกับในรายของ COM7 มีคนแอบมากระซิบกระซาบ “โมนิก้า” อย่างขึงขังว่า โกรทจะเอามาจากที่ไหน? กำไรจะแจ่มแจ๋วขนาดไหน? เดี๊ยนเลยตอบกลับไปว่า ไม่ใช่ธุระที่เดี๊ยนต้องมานั่งคิดแทนนักลงทุน เพราะสิ่งที่เล่นในเที่ยวนี้มันมาจากเรื่องโฆษณาชวนเชื่อมากกว่าสิ่งที่เกิดขึ้นจริง วันนี้ถึงต้องมองกันด้วยใจที่เป็นกลางว่า ราคาปิดที่ 4.36 บาท บวกไป 0.30 บาท หรือขึ้นไป 7.40% ใช่จังหวะที่ต้องตามน้ำอีกไหมเจ้าค่ะ

*เม้าท์ถึงเรื่องนี้ก็พลันให้นึกถึง THAI BA ขึ้นมาในทันที เพราะเป็นหุ้นที่เด้งกลับอย่างรวดเร็ว และทำท่าท่าเหมือนจะวิ่งแรลลี่ยาวนั้น “โมนิก้า” ขอให้แฟนคลับนึกทบทวนให้ดีว่า มีความเป็นไปได้แค่ไหน? เพราะสิ่งที่เกิดขึ้นเที่ยวนี้ไม่ต่างอะไรจากแมวชักกระตุกก่อนตาย จริงหรือไม่..เดี๋ยวก็รู้ ขณะที่ราคาหุ้นในกระดานวิ่งขึ้นมาปิดที่ 8.60 บาท บวกไป 0.40 บาท หรือขึ้นไป 4.90% ส่วนรายหลังวิ่งขึ้นมาปิดที่ 22.40 บาท บวกไป 0.90 บาท หรือขึ้นไป 4.20% มันเป็นข้อมูลอีกด้านที่นักเล่นต้องดูให้ดีๆ นะคะ

*เช่นเดียวกับในรายของ EARTH เป็นอีกหนึ่งตัวที่แรงแบบไม่ทันตั้งตัว จากเดิมโดนถล่มจนลงมาทำ low ที่ระดับ 4.26 บาท จู่ๆ มีมือที่มองไม่เห็นเข้ามาดันหุ้น จนวิ่งขึ้นมาปิดที่ 4.72 บาท บวกไป 0.22 บาท หรือขึ้นไป 4.90% “โมนิก้า” ถือเป็นภาพที่ทำให้เดี๊ยนนึกถึงยอดเดิมที่บริเวณ 5.40 บาทลอยมาปรากฏให้เห็นอีกครั้ง จึงขอเสนอให้ผู้เล่นลองชำเลืองตามองไว้บ้างเจ้าค่ะ

*ป.ล.วันนี้ยังอยากให้แฟนคลับนึกถึงคำแนะนำวันก่อนๆ ที่บอกให้ทุกคนมองฐานแนวรับ 1,200 จุดมีความเป็นไปได้แค่ไหน? เพราะสิ่งที่เกิดขึ้นเที่ยวนี้ มันแย่ลงเรื่อยๆ ทุกวันเจ้าค่ะ

Back to top button