เปลี่ยนมานำเข้าน้ำมัน ?

รัฐบาลประกาศเป็นคำมั่นสัญญาไปแล้วว่า ทันทีที่เข้าไปบริหารประเทศ จะทำการลดราคาน้ำมัน-ค่าไฟโดยไม่ชักช้า แนวทางจะเป็นอย่างไร ยังไม่แจ้งชัด


รัฐบาลประกาศเป็นคำมั่นสัญญาไปแล้วว่า ทันทีที่เข้าไปบริหารประเทศ จะทำการลดราคาน้ำมัน-ค่าไฟโดยไม่ชักช้า แนวทางจะเป็นอย่างไร ยังไม่แจ้งชัด แต่ดูจากแนวทางรัฐบาลชุดเก่า ก็คงจะใช้วิธีลดการจัดเก็บภาษีสรรพสามิต

รัฐบาลเก่า หั่นภาษีสรรพสามิตไปที่น้ำมันดีเซลตัวเดียวลงมา 5 บาท ส่วนน้ำมันเบนซินยังจัดเก็บเท่าเดิม และขณะนี้ก็หมดโปรโมชั่นมาตั้งแต่กลางเดือน ก.ค.ที่ผ่านมาแล้ว ปัจจุบันจัดเก็บอยู่ในอัตรา 5.99 บาท/ลิตร แต่นำเงินกองทุนน้ำมันมาชดเชย 5.59 บาท จึงจำหน่ายปลีกในอัตรา 31.94 บาทได้

แต่แนวทางของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานคนใหม่ นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค ทายาทอดีตเจ้ากรมพลังงานทหาร ผู้ขุดเจาะบ่อน้ำมันฝางและให้กำเนิดน้ำมันตรา 3 ทหาร กลับมาแนวใหม่! คือ เลิกพึ่งพาน้ำมันจากโรงกลั่นในประเทศ และหันมานำเข้าน้ำมันสำเร็จรูปแทน

ซึ่งนายพีระพันธุ์เชื่อว่า จะเป็นราคาที่ถูกกว่าน้ำมันจากโรงกลั่นในประเทศ

เอาล่ะสิ! ยังไม่แจ้งรายละเอียดแน่ชัดเหมือนกันว่า น้ำมันสำเร็จรูปนำเข้า (น่าจะมาจากโรงกลั่นสิงคโปร์) จะต้องปฏิบัติตามกฎเกณฑ์เดียวกันกับโรงกลั่นในประเทศ คือมีราคาเนื้อน้ำมัน (ราคาหน้าโรงกลั่น) จากนั้นก็มีการไล่ลูกระนาดการจัดเก็บที่ไม่เกี่ยวกับต้นทุนน้ำมัน

เริ่มต้นตั้งแต่ภาษีสรรพสามิต, ภาษีเทศบาล, เงินจัดเก็บเข้ากองทุนน้ำมัน, กองทุนอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม, ค่าการตลาด และภาษีมูลค่าเพิ่มทั้งช่วงขายส่งและขายปลีก จึงมาเป็นราคาจำหน่ายปลีกน้ำมันสำเร็จรูปตามสถานีบริการน้ำมันต่าง ๆ

ไม่ทราบว่ารมต.พีระพันธุ์ คิดส่วนจัดเก็บที่นอกเหนือไปจากราคาเนื้อน้ำมันในราว 38% หรือไม่ 

ยกตัวอย่างราคาจำหน่ายปลีกน้ำมันแก๊สโซฮอล์ 95 E10 ราคาลิตรละ 39.35 บาท เป็นราคาเนื้อน้ำมันแท้จริงแค่ 24.4262 บาทเท่านั้น ส่วนที่เหลือ 14.92 บาท เป็นการจัดเก็บตามนโยบายรัฐบาล และค่าการตลาดของภาคเอกชน

หากไม่ต้องปฏิบัติตามกฎเกณฑ์เดียวกับโรงกลั่นและผู้ค้าในประเทศ ก็จะถือเป็นความอยุติธรรมทางการค้า สร้างความลักลั่นในระบบ เสมือนโรงกลั่นและผู้ค้าในประเทศ โดนรังแกจากรัฐบาล

หรือหากต้องปฏิบัติตามกฎเกณฑ์เดียวกับโรงกลั่นและผู้ค้าในประเทศ ก็ยังสงสัยว่าราคานำเข้าจะถูกกว่าน้ำมันจากโรงกลั่นในประเทศจริงหรือ ยิ่งต้องเสียภาษีศุลกากรนำเข้า ก็ยิ่งจะไปกันใหญ่ ราคาไม่มีทางจะถูกไปกว่าน้ำมันจากโรงกลั่นในประเทศหรอก

รัฐบาลจะกล้ายกเว้นภาษีนำเข้าเพื่อประโยชน์ใคร? กันล่ะหรือ

น้ำมันราคาถูกกว่าใครในเพื่อนบ้านอาเซียน ก็เห็นจะมีแค่มาเลเซียเพียงประเทศเดียวเท่านั้น แต่นั่นก็เป็นเพราะเป็นประเทศที่พึ่งพาทรัพยากรพลังงานตัวเองได้บางส่วน และรัฐบาลไม่จัดเก็บภาษีรวมทั้งเงินกองทุนต่าง ๆ ในอัตราสูงเกินไป

ไม่เหมือนกับรัฐบาลเพื่อนบ้านอื่น ๆ ที่จัดเก็บภาษีสรรพสามิตน้ำมันในอัตราสูงทั้งสิ้น แม้กระทั่งเพื่อนบ้านลาว-เขมรที่ซื้อน้ำมันราคาถูกหน้าโรงกลั่นจากไทยไป แต่ก็ยังจัดเก็บภาษีสรรพสามิตและค่าธรรมเนียมต่าง ๆ สูงจนราคาจำหน่ายปลีกในประเทศเขา มีราคาแพงกว่าประเทศไทยด้วยซ้ำ

น้ำมันนำเข้าจะมีราคาถูกกว่าน้ำมันจากโรงกลั่นในประเทศจริงหรือ คงต้องรอรายละเอียดภาคปฏิบัติจากรัฐมนตรี ผู้เป็นทายาทน้ำมันตรา 3 ทหารท่านนี้แล้วล่ะ

Back to top button