หุ้นพลิกชีวิต!

บรรยากาศตลาดหุ้นไทยในช่วงนี้คงไม่มีอะไรตื่นเต้นเร้าใจเหมือนช่วงปลายเดือนก่อนต่อเนื่องถึงช่วงต้นเดือน เพราะเป็นช่วงที่ดัชนีดีดตัวจากระดับ 1,500 จุดขึ้นไปบริเวณ 1,580 จุด


บรรยากาศตลาดหุ้นไทยในช่วงนี้คงไม่มีอะไรตื่นเต้นเร้าใจเหมือนช่วงปลายเดือนก่อนต่อเนื่องถึงช่วงต้นเดือน เพราะเป็นช่วงที่ดัชนีดีดตัวจากระดับ 1,500 จุดขึ้นไปบริเวณ 1,580 จุด แต่หลังจากนั้นดัชนีก็ซึมลงลูกเดียว และมีประเด็นที่ทำให้นักลงทุนกังวลผุดขึ้นเป็นดอกเห็ด จนนักลงทุนกลุ่มต่าง ๆ หันไปใช้วิธีเล่นหุ้นขาลงกันหมด เพราะสังหรณ์ใจว่า หุ้นจะไหลลงไปเรื่อย ๆ ไงล่ะคะ

นั้นหมายความว่า การขยับตัวต่อจากนี้ต้องดูกันวันต่อวัน เพราะดัชนียังพยายามประคองตัวเหนือแนวรับสำคัญ แต่สุดท้ายก็ยืนระยะไม่ได้สักที “โมนิก้า” เลยต้องถามว่า การยืนปิดที่ระดับ 1,545.50 จุด บวกไป 4.56 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 4.09 หมื่นล้านบาท และเป็นการกลับขึ้นมายืนเหนือแนวต้าน 1,543 จุดอีกครั้ง มันใช่จุดเปลี่ยนที่จะทำให้ดัชนีวิ่งกลับขึ้นไปหาไฮเดิมของรอบก่อนจริงไหมเจ้าคะ

งานนี้เดี๊ยนพูดได้ทันทีว่า ยากมาก! เพราะเมื่อย้อนดูการขยับตัวในช่วง 8 เดือนที่ผ่านมาจะเห็นว่า หุ้นส่วนใหญ่ในกลุ่มบลูชิพยังกลับมายืนที่เดิมไม่ได้ และทำให้เดี๊ยนเชื่อว่า การจะกลับขึ้นไปยืนเท่าเดิมต้องใช้เวลาอีกระยหนึ่ง และไทม์ไลน์ที่เหมาะต่อการกลับขึ้นไปจุดเดิมก็คือ ธ.ค. เพราะเป็นช่วงที่ทุกอย่างกำลังเซตรอบใหม่ โดยตลาดหุ้นจะให้ความสำคัญกับการเติบโตในปีหน้าเป็นเรื่องหลักนะจ๊ะ

วันนี้จึงขอหยิบยกหุ้นบลูชิพบางตัวมาเม้าท์แตก เพื่อชี้ให้นักเล่นเห็นว่า 8 เดือนที่ผ่านมาเป็นอย่างไร? และตัวแรกที่อยากจะเอ่ยถึงก็คือ PTTEP ซึ่งทุกคนรู้ดีว่า นี่เป็นหุ้นที่ทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยม แต่ราคาหุ้นก็ยังไม่มาแบบเต็มตัวสักที! แถมเมื่อย้อนดูราคาหุ้นในช่วงปลายปี 65 ที่อยู่ในระดับ 176.50 บาท เทียบกับราคาปิดวานนี้ที่ 165.50 บาท บวกไป 1 บาท หรือขึ้นไป 0.60% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 982 ล้านบาท  ทำให้เห็นว่า หุ้นมีโอกาสไปต่อก็จริง..แต่จะไปต่อจริงไหม?..อิอิอิ

รายถัดมาคือ CRC ก็พยายามไต่ระดับขึ้นมาเรื่อย ๆ แต่ระหว่างทางก็ยังถูกขายเป็นระยะ “โมนิก้า” เลยไม่แน่ใจว่าหุ้นจะกลับขึ้นไปหาไฮเดิมที่บริเวณ 46.25 บาทได้อะป่าว? เพราะวันนี้หุ้นยังยืนอยู่ที่ระดับ 41 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 277 ล้านบาทอยู่เลย เดี๊ยนเลยสงสัยว่า ในภาวะการลงทุนที่ผันผวนแบบนี้จะขึ้นไหวไหม? เพราะเจอหน้าใครก็พูดไปในทางเดียวกันว่า อยากรอให้อะไรชัดเจนกว่านี้น่ะซี

ส่วนในรายที่ทำให้เดี๊ยนงงไม่เลิกสักที “โมนิก้า” คงมองไปที่หุ้น CBG ซึ่งมีบทวิเคราะห์ออกมาหลากหลายแนวเหลือเกิน ไม่ว่าจะเป็นพวกที่อัพเป้า และพวกที่ลดเป้า มันเป็นเรื่องที่ต้องดูกันต่อไปเรื่อย ๆ แต่ถ้าดูจากยอดเดิมที่เคยทำไว้บริเวณ 96.75 บาท เทียบกับราคาปิดวานนี้ที่ 85 บาท บวกไป 3.25 บาท หรือขึ้นไป 4% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 450 ล้านบาท กลายเป็นช็อตที่ได้ลุ้นอีกครั้ง เพราะแรงซื้อเริ่มกลับเข้ามาใหม่พะย่ะค่ะ

สำหรับรายที่ดูแล้วเหนื่อยกว่าเจ้าก่อน ๆ “โมนิก้า” ขอมองไปที่หุ้น HMPRO เพื่อชี้ให้เห็นการ 13.40 บาท ลบไป 0.10 บาท หรือลงไป 0.75% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 184 ล้านบาท โดยราคาหุ้นในแต่ละวันก็กวัดแกว่งไปมาแคบ ๆ และเป็นแบบนี้มานานหลายเดือน เดี๊ยนเลยไม่แน่ใจว่า หุ้นจะวิ่งกลับขึ้นไปหายอดเดิมที่ 15.50 บาทได้ไหม? เพราะการวิ่งของหุ้นตัวนี้ขึ้นอยู่กับเม็ดเงินในระบบเศรษฐกิจสะพัดเป็นประเด็นสำคัญจ้า!

อีกรายที่น่าจะเป็นตัวสอดแทรก “โมนิก้า” คงมองไปที่หุ้น TRUE เพราะในช่วง 8 เดือนมีผลตอบแทนติดลบ 12% แต่วันนี้หุ้นขึ้นมายืนปิดที่ 7.10 บาท บวกไป 0.10 บาท หรือขึ้นไป 1.45% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 365 ล้านบาท เทียบกับยอดเดิมที่เคยอยู่ในระดับ 7.90 บาท มันมีความเป็นไปได้ขนาดไหนที่หุ้นจะวิ่งกลับไปหายอดเดิม และขึ้นไปสร้างฐานใหม่ที่สูงกว่าเดิมในเร็ว ๆ นี้ เจ้าค่ะ

เช่นเดียวกับในรายของ TU พยายามรักษาทรง และพยายามเร่งเครื่อง แต่หลายอย่างยังไม่เป็นใจ “โมนิก้า” จึงมองการยืนปิดที่ระดับ 14.30 บาท บวกไป 0.30 บาท หรือขึ้นไป 2.15% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 426 ล้านบาท นับเป็นเรื่องน่ายินดีมาก ๆ เพราะอย่างน้อยก็ทำให้เห็นว่า หุ้นหลุดพ้นจากวงจรขาลง และกำลังฟอร์มตัวขึ้นรอบใหม่ ส่งผลให้ยอดเดิมที่บริเวณ 16.90 บาท ยังมีลุ้นนะจะบอกให้

ป.ล. หลายคนอาจ “เจ๊ง” กับหุ้นเหล่านี้มาบ้าง แต่เที่ยวนี้อาจเป็นจังหวะที่ท่าน ๆ “เจี๊ยะ” บ้างก็ได้..จริงแมะ?

Back to top button