ESSO รายย่อยไม่ปล่อยมือ.!

ใกล้สิ้นสุดกระบวนการรวบหัวรวบหางกินตรงกลางตลอดตัว บมจ.เอสโซ่ (ประเทศไทย) หรือ ESSO ของ บมจ.บางจาก คอร์ปอเรชั่น หรือ BCP แล้ว


ใกล้สิ้นสุดกระบวนการรวบหัวรวบหางกินตรงกลางตลอดตัว บริษัท เอสโซ่ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ ESSO ของบริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ BCP แล้ว จากการประกาศตั้งโต๊ะเทนเดอร์ฯ หุ้นที่เหลือจำนวน 1,177.10 ล้านหุ้น คิดเป็น 34.01% ที่ราคาหุ้นละ 9.8986 บาท ระหว่างวันที่ 8 ก.ย.-12 ต.ค. 2566 รวมระยะเวลา 25 วันทำการ…(ก่อนหน้านี้ซื้อหุ้นจาก ExxonMobil สัดส่วน 65.99%  ชำระค่าหุ้นเรียบร้อยแล้ว)

ล่าสุด ESSO แจ้งว่า รอบแรก (ระหว่างวันที่ 8 ก.ย.-5 ต.ค.) มีผู้แสดงเจตจำนงขายหุ้นแค่ 61.03 ล้านหุ้น คิดเป็น 1.76% รวมมูลค่า 604.14 ล้านบาท เท่านั้น

ส่งผลให้ BCP ถือหุ้น ESSO ทั้งหมดจำนวน 2,344.78 ล้านหุ้น คิดเป็นสัดส่วน 67.75%..!!

ประเด็นที่น่าสนใจ แม้ยังเหลือเวลาอีก 5 วันทำการ (6-12 ต.ค.) แต่การที่มีผู้แสดงเจตจำนงขายหุ้นรอบแรกแค่หางอึ่ง 1.76% มันสะท้อนว่าผู้ถือหุ้นรายย่อยไม่ได้ต้องการจะขายหุ้น ESSO ให้กับบางจากนะออเจ้า..!!

ส่วนเหตุผลที่ไม่ขาย ถ้าให้วิเคราะห์อาจมี 2-3 ปัจจัยด้วยกัน…ปัจจัยแรก การที่ ESSO มาอยู่ภายใต้ปีกบางจาก…เรื่องการ Synergy ธุรกิจระหว่างกัน ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจโรงกลั่น ซึ่งกำลังการผลิตจะเพิ่มเป็น 190,000 บาร์เรลต่อวัน (จากกำลังกลั่นบางจากเฉลี่ยอยู่ที่ 120,000 บาร์เรลต่อวัน ส่วน ESSO กำลังการกลั่นเฉลี่ยอยู่ที่ 170,000 บาร์เรลต่อวัน) และธุรกิจค้าปลีก ด้วยจำนวนปั๊มน้ำมันที่เพิ่มเป็น 2,120 แห่ง (ปั๊มน้ำมันบางจาก 1,300 แห่ง และปั๊มน้ำมันเอสโซ่ 820 แห่ง) จะสามารถสร้างมูลค่าเพิ่มได้อย่างมีนัยสำคัญ…

นั่นหมายถึงราคาเทนเดอร์ฯ ที่ 9.8986 บาท ไม่น่าจูงใจน่ะสิ ประกอบกับที่ปรึกษาของผู้ถือหุ้นให้ราคาสูงกว่านี้ โดยมองว่าราคาเทนเดอร์ฯ ที่ 9.8986 บาท ต่ำกว่ามูลค่าที่แท้จริงไปนี้ดดด ให้ราคาเหมาะสมไว้ที่ 10.70-11.38 บาทต่อหุ้น จึงแนะนำให้ปฏิเสธคำเสนอซื้อ…

ขณะที่นักวิเคราะห์หลายสำนักฟันธงว่า หลังจากการควบรวมกันแล้ว ผลประกอบการของ ESSO จะเริ่ดสะแมนแตนกว่านี้นะ..!?

ส่วนอีกปัจจัย ผู้ถือหุ้นรายย่อยบางคนอาจมีต้นทุนที่สูงกว่านี้..!?

ถ้ายังจำกันได้ เมื่อปลายปีที่แล้วช่วงปลายเดือน ต.ค. 2565 ราคาหุ้น ESSO เคยขึ้นไปแตะจุดสูงสุดที่ 15.00 บาท หลังจากนั้นก็ย่อตัวลงมาซื้อขายกันที่ 11 บาทเศษ แล้วก็กลับมาไล่ราคากันอีกรอบช่วงปลายเดือน ธ.ค. 2565 ซึ่งเป็นช่วงที่เริ่มระแคะระคายกันว่าจะมีดีลบางจากซื้อ ESSO ทำให้มีการเข้ามาเก็งกำไรกันคึกคัก โดยในวันที่ 29 ธ.ค. 2565 ราคาขึ้นไปแตะที่ 13.20 บาท

กระทั่งต้นปี 2566 ประกาศดีลออกมา ราคาก็ย่อลงมาเรื่อย ๆ จนปัจจุบันซื้อขายกันที่ 9 บาทเศษ…

จากปรากฏการณ์ดังกล่าว เข้าใจว่าน่าจะมีนักลงทุนอีกจำนวนไม่น้อยที่ยังนอนนับดาวอยู่บนยอดดอย…ซึ่งกลุ่มนี้ไม่ใช่ว่าไม่อยากขาย แต่มันขายไม่ได้ ต้องจำใจถือหุ้นไว้ก่อน รอให้ราคากลับมา แล้วค่อยขายในอนาคต

เพราะอย่าลืมว่า การเทนเดอร์ฯ ครั้งนี้ ไม่ได้มีเป้าหมายที่จะเพิกถอนหุ้นออกจากตลาดหลักทรัพย์ฯ แต่อย่างใด ก็มีโอกาสที่ราคาหุ้นจะกลับมาได้…ส่วนจะเป็นเมื่อไหร่..? ไม่รู้ ๆ ๆ…

เอาเป็นว่า ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใด..แต่ดูแล้วรายย่อยคงไม่ปล่อยมือจากหุ้น ESSO ง่าย ๆ แหง ๆ…เชื่อขนมกินได้เลย

…อิ อิ อิ..

Back to top button