รอบนี้ลงจริง

วันนี้ต้องบอกกันตรง ๆ ว่า การทิ้งตัวลงแรงของดัชนีมาปิดที่ระดับ 1,406.61 จุด ลบไป 7.54 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 4.04 หมื่นล้านบาท ไม่ผิดปกติแต่อย่างใด เพราะเมื่อดูจากตัวเลข GDP ในช่วง 9 เดือนที่ขยายตัวได้เพียง 1.9% โดยภาคการผลิตมีการหดตัวต่อเนื่อง แถมภาคการส่งออกก็มีปัญหา จึงเชื่อได้ว่า สถานการณ์ต่อจากนี้จะเป็นการเผาจริงอย่างแน่นอน เพราะจนป่านนี้ยังไม่เห็นรัฐบาลร่างทรงทักษิณทำอะไรที่เป็นโล้เป็นพายเลยพับผ่าสิ!


วันนี้ต้องบอกกันตรง ๆ ว่า การทิ้งตัวลงแรงของดัชนีมาปิดที่ระดับ 1,406.61 จุด ลบไป 7.54 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 4.04 หมื่นล้านบาท ไม่ผิดปกติแต่อย่างใด เพราะเมื่อดูจากตัวเลข GDP ในช่วง 9 เดือนที่ขยายตัวได้เพียง 1.9% โดยภาคการผลิตมีการหดตัวต่อเนื่อง แถมภาคการส่งออกก็มีปัญหา จึงเชื่อได้ว่า สถานการณ์ต่อจากนี้จะเป็นการเผาจริงอย่างแน่นอน เพราะจนป่านนี้ยังไม่เห็นรัฐบาลร่างทรงทักษิณทำอะไรที่เป็นโล้เป็นพายเลยพับผ่าสิ!

ฉะนั้นอย่าได้แปลกใจที่ดัชนีจะหลุดไปใต้ระดับ 1,400 จุดอีกครั้ง และมีสิทธิ์จะลงลึกกว่าโลว์เดิมที่บริเวณ 1,366 จุด เพราะมันไม่มีมุมที่ทำให้เชื่อว่า เศรษฐกิจจะฟื้นตัวให้เห็นอย่างเป็นรูปธรรม และเป็นประเด็นที่ทำให้เดี๊ยนต้องกลั้นใจพูดกับแฟนคลับว่า ลดพอร์ตหุ้นแล้วหันไปถือเงินสดให้เยอะขึ้น เพราะสถานการณ์ของตลาดหุ้นไทยมันไม่น่าไว้ใจจริง ๆ และเดี๊ยนไม่สามารถหาสตอรี่ดี ๆ มาสร้างความเชื่อมั่นได้น่ะซี

ขนาดหุ้นลูกอ๊อด AOT ทำผลงานได้ดีในระดับหนึ่ง แต่ไม่ดีเท่ากับที่ผู้คนคาดหวัง จึงโดนถล่มขายไม่เลี้ยงนั้น “โมนิก้า” มองเป็นเรื่องความรู้สึกของนักเล่นที่พอเข้าใจได้ แต่เมื่อแกะลงไปในเนื้อหาสาระที่ทำให้นักเล่นผิดหวังจะเห็นว่า สมควรที่จะโดนขายทิ้งจริง ๆ เพราะตัวเลขนักท่องเที่ยวที่มาใช้บริการต่ำกว่าเป้า แถมสายการบินจีนเตรียมยกเลิกเที่ยวบินมาไทย วานนี้ถึงเห็นราคาหุ้นลงมากองที่ระดับ 62.25 บาท ลบไป 3.75 บาท หรือลงไป 5.70% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 1.16 หมื่นล้านบาทไงล่ะคะ

เมื่อจำนวนนักท่องเที่ยวไม่เป็นไปตามเป้า AWC จึงกลายเป็นหุ้นที่ถูกรินขายออกมาเรื่อย ๆ เหมือนกัน ทั้งที่ก่อนหน้านี้พยายามไต่เพดานขึ้นอย่างช้า ๆ แต่วานนี้กลับลงมายืนที่ระดับ 3.74 บาท ลบไป 0.06 บาท หรือลงไป 1.60% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 161 ล้านบาท มันทำให้เดี๊ยนสังหรณ์ใจว่า เที่ยวนี้หุ้นอาจลงไปลึกกว่าโลว์เดิมที่บริเวณ 3.40 บาท เพราะมองไปทางไหน ด้านไหน ก็มีแต่เรื่องราวบั่นทอนกำลังใจเจ้าค่ะ

อีกรายที่น่ากังวลสุด ๆ ตามความคิดของ “โมนิก้า” ก็คือหุ้น BJC เพราะเป็นหุ้นใหญ่เพียงตัวเดียวกระมังที่ลงไม่หยุด แถมในจังหวะที่หุ้นตัวอื่นขึ้นแรง หุ้นตัวนี้กลับมีอาการอืดเสียอย่างนั้น “โมนิก้า” ถึงมองการยืนปิดที่ระดับ 27 บาท ลบไป 0.50 บาท หรือลงไป 1.80% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 296 ล้านบาท ไม่ใช่จังหวะของการเข้าไปช้อนซื้ออย่างแน่นอน เพราะนับวันก็มีแต่แย่ลงเรื่อย ๆ ไงล่ะจ๊ะ

ขนาดอสังหาฯ ที่ว่ากันว่า แจ๋ว ๆ แน่ ๆ อย่าง SPALI ยังต้องยอมหลีกทางให้กับสภาพเศรษฐกิจ และสภาพตลาดหุ้นแบบไม่มีข้อแก้ตัว “โมนิก้า” ถึงมองการไหลลงของราคาหุ้นเป็นเรื่องที่สัมพันธ์โดยตรงกับความกังวลดังกล่าวเต็ม ๆ และการที่หุ้นพยายามประคองตัวไม่ให้ทรุดลงหนักกว่าที่เป็นอยู่ ก็เป็นเรื่องที่ต้องให้กำลังใจกันต่อไป เพราะการยืนปิดเสมอตัวที่ระดับ 17.90 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 99 ล้านบาท มันไม่ใช่จังหวะของการซื้อหุ้นแน่ ๆ จ้า

ส่วนรายที่ทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยม แต่ต้องแพ้พ่ายให้กับมือมืดที่ร่วมกันปล่อยข่าวทุบหุ้นสารพัดวิธี “โมนิก้า” คงมองไปที่หุ้น SNNP เพราะเมื่อดูการยืนปิดเสมอตัวที่ระดับ 17.30 บาท  ด้วยมูลค่าการซื้อขายที่มีเพียง 34 ล้านบาท เหมือนเป็นการย้ำหัวหมุดให้รู้ว่า นักเล่นสนใจข่าวร้ายมากกว่าข่าวดี และทำให้แวลูของหุ้นลดลงอย่างที่ไม่น่าจะเป็นแบบนี้..มันเป็นจังหวะที่น่าซื้อก็จริง แต่ใครจะกล้าซื้อล่ะคะ

สำหรับรายที่ยังโอเว่อร์แอคติ้งต่อไปแบบ “โนสน โนแคร์” อะไรทั้งนั้น คงไม่มีใครทำหน้าแป้นแล้นได้เทียบเท่ากับ JKN เพราะเห็นกันทนโท่ว่า บริษัทมีหนี้สินล้นพ้นตัว และยังมีเรื่องที่ทางการจะต้องเข้ามาสะสาง รวมถึงกลุ่มผู้ถือหุ้นกู้รวมตัวเพื่อเอาผิดทีมผู้บริหาร แต่ราคาหุ้นกลับขึ้นมายืนปิดที่ระดับ 0.70 บาท บวกไป 0.06 บาท หรือขึ้นไป 9.40% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 205 ล้านบาทแบบนี้..ท้าทายอำนาจรัฐดีเหลือเกินนะคุณแม่!

เช่นเดียวกับในรายของ ZIGA ทะยานขึ้นมาปิดที่ระดับ 2.54 บาท บวกไป 0.34 บาท หรือขึ้นไป 15.45% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 194 ล้านบาท ทั้งที่ผลงานแต่ละไตรมาสไม่ได้เรื่องแบบนี้ “โมนิก้า” ถือเป็นเกมลากไปออกของธรรมดา ๆ แถมที่ผ่านมาก็เล่นท่านี้เป็นประจำ เดี๊ยนเลยไม่จำเป็นต้องอธิบายอะไรให้มากความ เพราะแค่รู้ว่าธุรกิจเหล็กไม่เฟื่องฟูเหมือนเมื่อก่อน แล้วหุ้นเหล็กตัวนี้จะพุ่งเป็นจรวดได้อย่างไรจ๊ะ

Back to top button