ทิ้งหุ้นลดเสี่ยง

สิ่งที่น่าเป็นกังวลมากสุดในเที่ยวนี้กลายเป็นเรื่องความขัดแย้งระหว่างประเทศ จนนำไปสู่การเปิดฉากสงครามแบบดุดันชนิดที่ผู้คนกลัวจะลุกลาม


สิ่งที่น่าเป็นกังวลมากสุดในเที่ยวนี้กลายเป็นเรื่องความขัดแย้งระหว่างประเทศ จนนำไปสู่การเปิดฉากสงครามแบบดุดันชนิดที่ผู้คนกลัวจะลุกลามเป็นสงครามโลกครั้งที่ 3 จนทำให้นักลงทุนทั่วโลกพากันขายหุ้นทิ้งเพื่อลดความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นแบบนี้ “โมนิก้า” ถือเป็นแรงบีบคั้นที่ส่งผลโดยตรงกับนักลงทุนกลุ่มต่าง ๆ เพราะไม่มีใครกล้าเข้าไปช้อนหุ้นในจังหวะหน้าสิ่วหน้าขวานน่ะซี

ฉะนั้นการที่ดัชนีลงมายืนปิดที่ระดับ 1,366.94 จุด ลบไป 29.44 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 6.23 หมื่นล้านบาท จึงเป็นเรื่องที่ไม่มีใครช่วยได้ทั้งนั้น และต้องทำใจยอมรับกับสิ่งที่เกิดขึ้นแบบเต็มใจ รวมทั้งต้องเผื่อใจไว้ว่า แนวรับสำคัญที่บริเวณ 1,350 จุดมีสิทธิ์ที่จะเอาไม่อยู่! เพราะตอนนี้มีแต่เรื่องร้ายเต็มไปหมด จนมองไม่เห็นข่าวดีใหม่ ๆ ที่จะเข้ามาสร้างความอุ่นใจ เดี๊ยนถึงต้องคล้อยตามกับคำแนะนำของกูรูให้ชิงขายหุ้นออกไปก่อนไงล่ะคะ

ประกอบกับสถานการณ์เศรษฐกิจไทยยังลุ่ม ๆ ดอน ๆ และยังมีความขัดแย้งทางความคิดในการกระตุ้นกำลังซื้อ “โมนิก้า” เลยเชื่อแบบบริสุทธิ์ใจว่า การอยู่เฉย ๆ น่าจะปลอดภัยสุด เพราะดอกเบี้ยก็ไม่มีทีท่าจะลดในเร็ววัน ขณะที่ราคาทองก็ขึ้นได้ขึ้นดีทุกวัน ส่วนค่าไฟฟ้าก็ยังขึ้นต่อเนื่อง หรือแม้แต่ค่าน้ำมันก็อั้นไม่ไหว ครอบคลุมถึงราคาแก๊สก็ไม่มีวี่แววจะถูกลงเหมือนเมื่อก่อนแบบนี้..เศรษฐกิจมันจะฟื้นตัวได้อย่างไรจ๊ะ

ขนาดหุ้น DELTA ซึ่งเป็นขวัญใจของฝรั่งหัวดำยังถูกสาดทิ้งแบบไม่มีเยื่อใย ก่อนจะยืนปิดไปที่ระดับ 71.50 บาท ลบไป 4.75 บาท หรือลงไป 6.25% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 1.75 พันล้านบาท และทำท่าจะลงไปนอนกองที่ฐานเก่าบริเวณ 66 บาทแบบนี้ “โมนิก้า” ย่อมมองเป็นเรื่องที่นักเล่นต้องคิดไตร่ตรองให้ดีก่อนจะยื่นมือเข้าไปรับของร้อน เพราะตอนนี้มันไม่มีมุมให้เชื่อว่า หุ้นตัวนี้จะสวนกระแสขึ้นไปได้เจ้าค่ะ

เช่นเดียวกับในรายของ EA ซึ่งเป็นหุ้นที่โดนสารพัดมรสุมรุมกระหน่ำมาเป็นปี ไล่เรียงตั้งแต่โดนฝรั่งขายหุ้นออกมาเรื่อย ๆ ถัดมาก็โดนโรบอทชอร์ตหุ้นออกมาอุตลุด ล่วงเลยมาถึงความกังวลเกี่ยวกับธุรกิจใหม่ ล้วนเป็นสตอรี่ที่ทำให้นักเล่นขวัญผวากันเป็นแถว ผนวกกับเจอบรรยากาศตลาดหุ้นที่อึมครึมมากขึ้นเรื่อย ๆ เดี๊ยนเลยเข้าใจเหตุผลที่หุ้นลงมาปิด 33.50 บาท ลบไป 2.50 บาท หรือลงไป 6.95% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 1.14 พันล้านบาทพะย่ะค่ะ

คล้ายกับการทิ้งตัวลงแรงของหุ้น SCB ก็มาจากการขึ้นเครื่องหมาย XD กับเรื่องของภาวะตลาดหุ้น จึงกลายเป็น 2 แรงบวกที่ทำให้ราคาหุ้นทรุดลงมากองอยู่ที่ 106 บาท ลบไป 9.50 บาท หรือลงไป 8.25% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 2.83 พันล้านบาท ซึ่งเป็นการลงมายืนที่ฐานเก่าก่อนราคาหุ้นขยับตัวขึ้นช้า ๆ แบบนี้ “โมนิก้า” ย่อมมองเป็นจังหวะของการถอยรับ ซึ่งเหมาะต่อคนที่มีเงินเย็นที่เน้นลงทุนระยะยาวนะจ๊ะ

ประเด็นข้างต้นทำให้ “โมนิก้า” ต้องเอ่ยถึงน้องมิ้น MINT อีกครั้ง เพราะของมันเห็นเต็มสองลูกตาว่า ธุรกิจฟื้นตัวอย่างชัดเจน และกำลังเข้าสู่ช่วงของการเติบโต แต่สุดท้ายก็โดยรินขายตลอดทั้งวัน เพราะความกังวลเกี่ยวกับสงคราม เดี๊ยนเลยมองว่า เที่ยวนี้เป็นการเดิมพันสำหรับคนที่มองโลกในแง่บวกแบบจำเพาะเจาะจงว่า ถ้าไม่มีสงครามบานปลาย การลงมายืนที่ระดับ 31.75 บาท ลบไป 1.25 บาท หรือลงไป 3.80% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 1.24 พันล้านบาท ถือว่าน่าเก็บจ้า!

ไหน ๆ ก็เม้าท์ถึงหุ้นที่น่าเล่นขึ้นมาทั้งที เลยถือโอกาสนี้เม้าท์ถึงหุ้น BEM เพื่อชี้ให้เห็นการลงมายืนปิดที่ระดับ 8.20 บาท ลบไป 0.15 บาท หรือลงไป 1.80% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 449 ล้านบาท ไม่ใช่เรื่องที่น่ากังวลแต่อย่างใด? เพราะหุ้นยังรักษาฐานที่มั่นสำคัญบริเวณ 8 บาทได้อย่างเหนียวแน่น และถ้าย้อนกลับไปดูความผันผวนของตลาดหุ้นในช่วงเดือนครึ่ง ก็จะเห็นหุ้นตัวนี้ยืนหยัดได้อย่างยอดเยี่ยมนะตัวเอง

ตบท้ายกันที่หุ้นม้ามืดฟอร์มสวยอย่าง PSP เพื่อชี้ให้เห็นแรงซื้อที่ทยอยเข้ามาตลอดทั้งวัน จนมาปิดที่ 6 บาท บวกไป 0.20 บาท หรือขึ้นไป 3.45% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 180 ล้านบาท ทั้งที่บรรยากาศการลงทุนโดยรวมแดงเถือก “โมนิก้า” ขอเดาว่า ต้องมีของดีเตรียมออกมาโชว์แน่ ๆ และประเด็นที่น่าสนใจคงหนีไม่พ้นผลงานไตรมาส 1 เพราะความเป็นเบอร์ 1 ในธุรกิจน้ำมันหล่อลื่น มันทำให้เชื่อว่า ผลงานปีนี้น่าจะทำนิวไฮได้สบาย ๆ..จริงหรือไม่ ก็คอยดูกันต่อไป..อิอิอิ

Back to top button