
พาราสาวะถี
ฟังกันชัด ๆ จากปากของ แพทองธาร ชินวัตร ผู้มีอำนาจในการปรับ ครม.ตัวจริงเสียงจริง “วันนี้ทุกอย่างยังเหมือนเดิม ไม่ได้คิดจะปรับอะไร”
ฟังกันชัด ๆ จากปากของ แพทองธาร ชินวัตร ผู้มีอำนาจในการปรับ ครม.ตัวจริงเสียงจริง “วันนี้ทุกอย่างยังเหมือนเดิม ไม่ได้คิดจะปรับอะไร” เป็นคำพูดเดิมที่หนักแน่น เหมือนเมื่อคราวก่อนหน้าหลังจากที่มีนักข่าวไปถาม ทักษิณ ชินวัตร พ่อนายกรัฐมนตรีคำตอบคือ ลูกสาวยังพอใจกับรัฐมนตรีที่ทำงานร่วมกันอยู่ในเวลานี้ เป็นการตอกย้ำตามที่นายกฯ หญิงว่า ตนชอบทำงานเป็นทีมและทำงานแบบไม่ต้องสู้กัน สามารถทำงานด้วยกันไม่ต้องไฟต์กันแต่ละกระทรวง ไม่ชอบการแตกความสามัคคี
จนถึงนาทีนี้แพทองธารยังมองว่ารัฐบาลของตัวเองมีความสามัคคี มอบนโยบายอะไรไป ทุกคนพยายามทำอย่างเต็มที่ และเกิดขึ้นจริง เข้าใจได้ว่าในหลายกระทรวงอาจเกิดเหตุการณ์ที่ไม่ได้คาดไว้ บางนโยบายหรือบางอย่าง อาจจะขรุขระบ้างก็เป็นเรื่องที่เข้าใจได้ นั่นจึงเป็นเหตุผลว่ายังไม่ถึงเวลาที่จะต้องขยับ เขย่าให้เกิดแรงกระเพื่อมโดยไม่จำเป็น ไม่ว่าจะเป็นข่าวเขี่ยภูมิใจไทยทิ้ง ยึดกระทรวงมหาดไทยคืน ล้วนแต่เป็นการปล่อยข่าวที่หวังผลทั้งสิ้น
อาจจะมีมูลอยู่บ้างแต่ไม่ได้มีน้ำหนักมากพอที่จะทำให้ท่านผู้นำ หรือแม้แต่ผู้มีอำนาจเหนือรัฐบาลกล้าตัดสินใจเช่นนั้น บอกมาตลอดว่าการเกิดรัฐบาลพลิกขั้วไม่ใช่แค่เรื่องการสมประโยชน์ทางการเมืองเท่านั้น แต่มันมีภารกิจที่จะต้องจับมือกันทั้งปัจจุบันและในอนาคต ดังนั้น เหตุผลที่บรรดาแกนนำของพรรคร่วมรัฐบาลอันดับหนึ่งและสองพูดตรงกันอยู่เป็นประจำ เวลาเกิดประเด็นความเห็นต่างระหว่างกันก็คือ ให้เป็นเรื่องการเคลียร์กันของ สส.หรือสมาชิกในแต่ละพรรค
ไม่ว่าจะเห็นต่างอย่างไรก็จะไม่นำไปสู่ความขัดแย้ง จนแตกแยกเป็นอันขาด หน้าฉากเป็นบทบาทที่แต่ละฝ่ายจะต้องแสดงตามบริบทที่มีตำแหน่งแห่งหน ส่วนหลังฉากโดยเฉพาะกับแกนนำสำคัญของเพื่อไทยและภูมิใจไทย มีการพบปะ แลกเปลี่ยนกันอยู่เป็นประจำ นั่นจึงทำให้ อนุทิน ชาญวีรกูล กล้าที่จะบอกกับนักข่าวเมื่อถูกไล่บี้ถามถึงการปรับ ครม.ต่อประเด็นเขี่ยพรรคสีน้ำเงินพ้นรัฐบาลว่า “ถ้าท่านไม่ให้ความมั่นใจ ผมคงไม่ได้ยืนอยู่ตรงนี้”
ท่าทีหนนี้ของเสี่ยหนูดูจะหงุดหงิดอยู่ไม่น้อยกับกระแสข่าวที่หนักหน่วงขึ้น ถึงขนาดที่บอกให้นักข่าวถามอะไรที่เป็นประโยชน์ มีอะไรตั้งเยอะแยะให้ถาม ไม่ใช่ถามแต่เรื่องไม่เป็นสับปะรด พร้อมกับชี้ด้วยว่าประเด็นที่มันเกิดขึ้นเป็นเพราะสื่อตั้งกันมาทั้งนั้น ยิ่งเรื่องข่าวที่ว่า ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร พูดในที่ประชุมของเพื่อไทยให้กันซีนภูมิใจไทยจากรัฐบาล แม้อาจทำให้เชื่อได้ว่ามีปมแบบนี้เกิดขึ้นจริง แต่ทุกอย่างมันขึ้นอยู่กับผู้มีอำนาจที่แท้จริงจะตัดสินใจ
ความจริงข่าวปล่อยเพื่อสร้างความระส่ำ หวังสั่นคลอนเสถียรภาพของรัฐบาลภายใต้การนำของเพื่อไทยนั้นมีมาโดยตลอด ตั้งแต่คราว เศรษฐา ทวีสิน เดิมทีก็ปั้นประเด็นเสี่ยหนูพร้อมภูมิใจไทยพร้อมสลับขั้ว หวังขึ้นชั้นเป็นผู้นำประเทศ แต่การปั่นลักษณะนี้ไม่ได้ผล เพราะเป้าหมายทางการเมืองของพรรคสีน้ำเงินไม่ได้ต้องการเช่นนั้น วันนี้จึงแปรสภาพเป็นเพื่อไทยจะเขี่ยให้ไปเป็นฝ่ายค้านร่วมกับพรรคประชาชน ซึ่งก็ยังมองไม่เห็นความจำเป็นที่จะทำเช่นนั้น
คงเป็นไปอย่างที่เสี่ยหนูว่า หากเป็นการเมืองสมัยก่อนถือเป็นเรื่องธรรมดา ที่มีหัวหน้าพรรคเยอะ แต่ละคนก็คิดว่าจะชิงตำแหน่งนายกฯ กัน พอมีประเด็นอะไรเกิดขึ้นก็พุ่งเป้าไปที่การเขย่าเก้าอี้ทำให้เกิดการสั่นคลอน เพื่อหวังความเปลี่ยนแปลง แต่ขณะนี้ตำแหน่งนายกฯ ของแพทองธารมีความมั่นคงและแข็งแรง ไม่มีคนคิดจะแข่งหรือคิดไม่ดี จะเอาท่านผู้นำลงมาจากตำแหน่ง ในพรรคร่วมรัฐบาลไม่มีใครคิด นั่นจึงทำให้มีการเปลี่ยนเป้ามาแกล้งตนแทน แค่นั้นเองไม่มีอะไร
อีกประการน่าจะเป็นเรื่องขนมผสมน้ำยา ต้องไม่ลืมว่าความเห็นที่แตกต่างระหว่างพรรคการเมือง ยิ่งเป็นเพื่อไทยกับภูมิใจไทยด้วยแล้ว ย่อมมีพวกที่ฉวยโอกาส ใช้สถานการณ์ที่เกิดขึ้นไปปั่นกระแสเพื่อหวังให้เกิดความเปลี่ยนแปลงจริง กรณีนี้มีทั้งฝ่ายแค้น พวกขาประจำ และพวกเดียวกันเอง สองพวกแรกไม่ได้มีอะไรน่าหนักใจ แต่กลุ่มหลังดูเหมือนจะสร้างปัญหา ทว่าเป็นสิ่งที่แต่ละพรรคต้องไปจัดการกันเอง ซึ่งภายในพรรคเองพอเห็นเรื่องแบบนี้เกิดขึ้น แทบจะไม่มีการตรวจสอบ หรือคาดโทษใด ๆ
ด้วยเหตุที่ว่า ปล่อยให้บางคนที่อึดอัดได้มีช่องทางระบาย ขณะเดียวกัน ก็จะถือเป็นผลพลอยได้ในลักษณะของการส่งสัญญาณให้พรรคพวกได้ตระหนักว่า หากอยากจะทำงานร่วมกันต่อไปก็อย่าได้ทำตัวเป็นจระเข้ขวางคลองเสียทุกเรื่อง มันเหมือนเป็นการทำลายบรรยากาศในความเป็นมิตร หนนี้ความไม่พอใจจากฝ่ายเพื่อไทยดูจะรุนแรงกว่าทุกครั้ง อันเนื่องมาจาก ไชยชนก ชิดชอบ เลขาธิการพรรคสีน้ำเงินดันไปประกาศกลางสภาไม่เอากาสิโน ที่ถือเป็นการหักหน้าพรรคแกนนำในเรื่องเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์นั่นเอง
อย่างไรก็ตาม ท่วงทำนองของคนการเมืองระดับเซียน เหล่าบรรดาแกนนำทั้งหลายไม่มีทางที่จะได้เห็นภาพการแตกคอเป็นอันขาด ขนาด ภูมิธรรม เวชยชัย ผู้จัดการรัฐบาลที่ถูกถามเรื่องความสัมพันธ์กับพรรคภูมิใจไทยช่วงเช้าวันประชุม ครม.ยังบอกว่า “ผมเหมือนเดิม แต่ฝ่ายภูมิใจไทยก็ต้องไปถามในพรรคเขาเอง” ท่าทีเหมือนจะไม่ค่อยพอใจเท่าไหร่ แต่ช่วงบ่ายหลังประชุมร่วมกับแพทองธารเสร็จ ปรากฏภาพคล้องแขนกันเดินหวานแหววกับเสี่ยหนูหน้าตาเฉย
ก่อนที่หัวหน้าพรรคสีน้ำเงินจะกระเซ้าว่า “เดี๋ยวหอมแก้ม” ก่อนบิ๊กอ้วนจะบอกว่า ไม่มีอะไร รัฐบาลยังร่วมมือและดำเนินการทำงานได้อย่างเต็มที่ ยืนยันเรื่องความขัดแย้งไม่มี ตนถูกสื่อถามจนสงสัยแล้วว่ามันมีหรือเปล่า จากนั้นทั้งคู่ได้เดินควงแขน จับมือกันเดินขึ้นตึกบัญชาการ 1 จังหวะนี้นักข่าวแซวจะจับกันจนถึงปี 2570 เลยหรือไม่ ทำให้ผู้จัดการรัฐบาลหยอดคำหวานทันที “จับมือกันชั่วนิรันดร์” เหมือนจะทีเล่นทีจริง แต่ก็เข้าเค้าอย่างที่เคยบอก รัฐบาลพลิกขั้วยังไงก็ต้องอยู่ด้วยกันยาว ๆ
อรชุน