
มอง SET มีโอกาสพักตัว รอปัจจัยใหม่และติตตามการเจรจากับสหรัฐ
InnovestX วิเคราะห์ว่า สหรัฐฯ และจีนจำเป็นต้องลดระดับสงครามการค้าเนื่องจากสัญญาณเตือนที่ชัดเจนจากภาคการขนส่งทางทะเล
InnovestX วิเคราะห์ว่า สหรัฐฯ และจีนจำเป็นต้องลดระดับสงครามการค้าเนื่องจากสัญญาณเตือนที่ชัดเจนจากภาคการขนส่งทางทะเล โดยจำนวนเรือขนส่งตู้คอนเทนเนอร์จากจีนไปยังสหรัฐฯ ในเดือน พ.ค. 68 ลดลงอย่างมีนัยสำคัญเหลือเพียง 49.6 ลำต่อวัน หดตัวถึง 8.1% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน ขณะที่การจองเรือขนส่งจากจีนลดลง 60% และปริมาณการนำเข้าที่ท่าเรือ LA ลดลง 35% ปรากฏการณ์นี้สะท้อนถึงการหดตัวของการค้าที่รุนแรง ซึ่งนำไปสู่การส่งออกของจีนไปสหรัฐฯ ที่ลดลง 21% ในเดือนล่าสุด กระนั้นก็ตาม InnovestX มองว่าการลดระดับสงครามการค้าครั้งนี้สะท้อนถึงความตึงเครียดทางการค้าโลกที่เริ่มปรับตัวดีขึ้น ซึ่งจะส่งผลบวกต่อสินทรัพย์เสี่ยงได้ในระยะสั้น
InnovestX มองว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) สหรัฐฯ เดือน เม.ย. 68 ที่ขยายตัวระดับต่ำสุดในรอบ 4 ปี มีปัจจัยสำคัญจากการลดลงของหมวด “Food & Transport” ที่ลดลงจาก 0.86% ในเดือน ม.ค. 68 เหลือเพียง 0.16% ในเดือนเม.ย. 68 สอดคล้องกับราคาน้ำมันดิบ Brent ที่ลดลงกว่า 28% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน ขณะที่ราคาน้ำมันเบนซินลดลงจาก 3.73 ดอลลาร์ต่อแกลลอนในปี 2567 เหลือเพียง 3.25 ดอลลาร์ในปี 2068 ปัจจัยนี้สอดคล้องกับความเสี่ยงด้านเศรษฐกิจจากสงครามการค้า และการกดดันของประธานาธิบดีทรัมป์ต่อกลุ่ม OPEC+ ให้เพิ่มกำลังการผลิต
อย่างไรก็ตาม สินค้าบางหมวดหมู่เริ่มแสดงผลกระทบจากภาษีนำเข้าของรัฐบาลทรัมป์ เช่น ราคาอุปกรณ์เครื่องเสียงที่พุ่งสูงขึ้นถึง 8.8% ทั้งนี้ มีปัจจัยสำคัญที่ต้องจับตา 3 ประการในระยะต่อไป ได้แก่ ต้นทุนที่อยู่อาศัยที่ยังสูง การส่งผ่านต้นทุนภาษีนำเข้าสู่ผู้บริโภคที่จะชัดเจนขึ้นในครึ่งปีหลัง และฐานราคาน้ำมันที่ต่ำลงในช่วงปลายปี ซึ่งคาดว่าจะผลักดันให้เงินเฟ้อกลับมาเร่งตัวถึง 3.6% ในช่วงปลายปี ทำให้ Fed มีแนวโน้มคงอัตราดอกเบี้ยไว้ตลอดปีนี้
ส่วนตลาดหุ้นไทย InnovestX มองช่วงสั้น SET มีโอกาสพักตัวรอหาปัจจัยหนุนใหม่ และติดตามความคืบหน้าการเจรจาการค้าไทยกับสหรัฐฯ หลังช่วงที่ผ่านมาดัชนีปรับตัวขึ้นไปตอบรับสถานการณ์สงครามการค้าสหรัฐฯ และจีนที่ผ่อนคลายลงแล้วในระดับหนึ่ง จนทำให้ SET ปรับขึ้นมาแถว 1,200 จุด ซึ่งเป็นระดับที่สูงกว่า 3% เมื่อเทียบกับตลาดหุ้นในภูมิภาคก่อนเกิดเหตุการณ์ ปธน. ทรัมป์ประกาศภาษีศุลกากรตอบโต้ประเทศคู่ค้าแล้ว อย่างไรก็ดี หากดัชนีปรับลงหรือพักตัวลงมาที่ระดับ 1,155/1,120-1,100 มองจะเป็นโอกาสเข้าซื้อสะสมสำหรับนักลงทุนระยะยาว หลังประเมินว่าสถานการณ์สงครามการค้าโลกที่เลวร้ายสุดมีโอกาสผ่านพ้นไปแล้ว รวมทั้งอยู่ระหว่างรอประกาศดีลการค้าระหว่างสหรัฐฯ กับประเทศคู่ค้าต่าง ๆ เพิ่มเติมในระยะถัดไป
ดังนั้นกลยุทธ์ลงทุนจึงแนะนำให้ “Selective Buy” ใน 3 ธีมหลักและ 1 ธีมเทรดดิ้ง ที่มีปัจจัยบวกเฉพาะตัว ดังนี้
- หุ้น Earning Play ซึ่งโมเมนตัมกำไรยังเติบโตแข็งแกร่ง โดยไตรมาส 2/68 คาดกำไรปกติจะเติบโตได้ทั้งเมื่อเทียบกับงวดเดียวของปีก่อน และจากไตรมาสก่อน เลือก ADVANC, TRUE, BTG, CPF, CPALL
- หุ้นที่คาดเป็นเป้าหมาย ThaiESGX โดย 1) ปี 2568 คาดกำไรเติบโตจากงวดเดียวกันของปีก่อน 2) ฐานะการเงินแกร่ง และ 3) จ่ายปันผลสม่ำเสมอ พบหุ้นน่าสนใจ SET50 ได้แก่ ADVANC, BDMS, CPALL, PTT และ SET100 ได้แก่ BCH, BTG, AP
- หุ้น SET50 ที่มี SETESG Rating A ขึ้นไป พร้อมคาดให้ Div. Yield ตั้งแต่ 5% ขึ้นไป อีกทั้งเราแนะนำ Outperform แนะนำ PTT, KTB, BBL และ HMPRO
- Trading Idea : นักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้สูงและต้องการแนะนำเก็งกำไรสำหรับหุ้น Undervalued ซึ่งปัจจุบันซื้อขายที่ PER และ PBV ปี 68 ระดับ -2SD ขณะที่ปี 2568 คาดกำไรยังเติบโตได้ดี เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน และมีฐานะการเงินแข็งแกร่ง แนะนำ GULF, MTC, CBG, AMATA และ BJC
ณัฏฐ์วริน ไตรภพสกุล