หุ้นถูกแต่ไม่มีคนซื้อ

ประเด็นที่ทำให้ “โมนิก้า” รู้สึกหนักใจทุกครั้งที่เห็นดัชนีเด้งขึ้นก็คือ ทำไมวอลุ่มบางเหลือเกิน? ทั้งที่สถานการณ์หลายอย่างคลี่คลายไปในทางที่ดีขึ้นเรื่อย ๆ


ประเด็นที่ทำให้ “โมนิก้า” รู้สึกหนักใจทุกครั้งที่เห็นดัชนีเด้งขึ้นก็คือ ทำไมวอลุ่มบางเหลือเกิน? ทั้งที่สถานการณ์หลายอย่างคลี่คลายไปในทางที่ดีขึ้นเรื่อย ๆ (ยกเว้นเศรษฐกิจไทย กับรัฐบาลอุ๊งอิงที่ยังเมาหมัด) แต่กลับไม่มีใครกล้าไล่ซื้อหุ้น พร้อมกับปล่อยเกียร์ว่างกันเป็นแถว..มันทำให้อีฉันไปไม่ถูกเลยจริง ๆ ทั้งที่หุ้นหลายตัวเทรดต่ำกว่า PE 10 เท่า และมีความสามารถในการจ่ายปันผล 4% แต่กลับไม่มีคนเล่นล่ะจ๊ะ

เหล่านี้เป็นเรื่องเดิม ๆ ที่อีฉันพูดคุยกับแฟนคลับเป็นประจำ แต่ยังต้องพูดคุยกันต่อไปเรื่อย ๆ เพื่อสร้างความอุ่นใจให้กับแฟนคลับว่า การลงทุนระยะยาวน่าจะให้ผลตอบแทนที่คุ้มค่ากับความเสี่ยง ผนวกกับสัปดาห์ที่ผ่านมาดัชนีสามารถประคองตัวเหนือระดับ 1,130 จุดอย่างเหนี่ยวแน่น “โมนิก้า” ถึงประเมินสถานการณ์ต่อจากนี้ ไม่น่าจะมีอะไรเลวร้ายลงไปกว่าเดิมอีกแล้วเจ้าค่ะ

ฉะนั้นการที่ดัชนียืนปิดที่ระดับ 1,141.58 จุด บวกไป 2.42 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 2.62 หมื่นล้านบาท น่าจะเป็นจุดเริ่มต้นของการไต่ขึ้นอย่างช้า ๆ (อีฉันยังติดนิสัยโลกสวย)  “โมนิก้า” จึงอยากนำเสนอหุ้นเด่นที่หลายคนเม้าท์เป็นเสียงเดียวกันว่า “คุ้มที่จะเล่น” แต่ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับนักลงทุนคิดเหมือนกับอีฉันหรือเปล่า? เพราะการลงทุนยุคนี้มีหลายปัจจัยที่ทำให้อารมณ์ของนักลงทุนอ่อนไหวตลอดเวลานะซี

เหมือนกับการลงทุนในหุ้น SCB ที่หลายคนพูดเป็นเสียงเดียวว่า คุ้มที่จะเล่น! แต่ราคาหุ้นก็ยังไปได้ไม่ไกลเสียทีแบบนี้ “โมนิก้า” มองเป็นเรื่องกลไกตลาดที่ผิดเพี้ยนอย่างไม่ต้องสงสัย เพราะของมันรับรู้กันมาตั้งนานแล้วว่า ธุรกิจการเงินปิดความเสี่ยงทุกประตูหน้าต่าง ส่งผลให้การยืนปิดที่ระดับ 120.50 บาท ราคาไม่เปลี่ยนแปลง ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 401 ล้านบาท ท่ามกลาง PE 9 เท่า ยังน่าสนใจเหมือนเดิมทุกประการจ้า!

เช่นเดียวกับหุ้นขายหมูขายไก่อย่าง CPF  ก็ยังเป็นหุ้นที่เดี๊ยนให้ความสนใจไม่เสื่อมคลาย เพราะถ้าดูพัฒนาการในเรื่องกำไรที่ดีขึ้นในปีที่ผ่านมา และในปีนี้ก็ยังเชื่อกันว่า กำไรจะดีขึ้นอีก “โมนิก้า” ก็บอกได้เลยว่า การที่หุ้นย่ำฐานไปมาเป็นเวลานาน ก่อนจะยืนปิดที่ระดับ 25.50 บาท ลบไป 0.25 บาท หรือลงไป 0.97% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 585 ล้านบาท จึงกลายเป็นหุ้นที่เหมาะสำหรับคนที่มีเงินเย็นซื้อสะสมนะออเจ้า

ประเด็นข้างต้นทำให้ “โมนิก้า” ต้องเอ่ยถึงหุ้น PTTGC เพื่อชี้ให้เห็นการขึ้นมาปิดที่ระดับ 20.20 บาท บวกไป 0.20บาท หรือขึ้นไป 1% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 280 ล้านบาท ไม่ใช่เรื่องบังเอิญอย่างแน่นอน แต่เป็นผลมาจากความเชื่อที่ว่า ผลงานไตรมาส 2 น่าจะฟื้นตัวดีขึ้น และในครึ่งปีหลังจะเห็นการเปลี่ยนแปลงอย่างมีนัยสำคัญ จึงเป็นจังหวะที่เหมาะต่อการไหลตามน้ำอย่างแน่นอน แถมหุ้นเทรดบน PBV 0.35 เท่าแบบนี้..ไม่เสี่ยงหรอกค่ะ

ส่วนรายที่เสี่ยงในสายตานักเล่นวานนี้กลายเป็นหุ้น SAWAD เฉยเลย ทั้งที่เพิ่งเคลียร์คดีที่คาราคาซังเสร็จไปหยก ๆ ราคาหุ้นก็ควรตั้งหลัก และเตรียมเทคตัวรอบใหม่แบบสวย ๆ แต่สิ่งที่อีฉันเห็นก็คือ หุ้นโดนรินขายไม่หยุดเสียที จนวานนี้โดนสาดแบบจัดหนักทั้งวัน จนราคาหุ้นลงมากองอยู่ที่ 16.80 บาท ลบไป 1.40 บาท หรือลงไป 7.69% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 961 ล้านบาทแบบนี้.. งบไม่ดีใช่ไหม? นักเล่นถึงได้หนีตายจ้าละหวั่น..อิอิอิ

ตบท้ายกันด้วยหุ้น LH กันอีกสักครั้ง เพราะราคาหุ้นที่เห็นลงมาเยอะ ๆ เอาเข้าจริงก็ยังมีราคาต่ำกว่าให้เห็นเนื่อง ดังเช่นวานนี้ที่ราคาหุ้นลงมายืนในระดับ 3.78 บาท ลบไป 0.08 บาท หรือลงไป 2.07% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 126 ล้านบาท ซึ่งเป็นระดับที่ต่ำกว่าช่วงโควิด 19 ระบาดหนักเสียอีกแบบนี้ เดี๊ยนตีความได้อย่างเดียวว่า กำไรไตรมาส 2 น่าจะแย่สุด ๆ หลังจากเห็นกันมาแล้วว่ากำไรไตรมาส 1 ทรุด 32% นะซี

โมนิก้าและทีมงาน

Back to top button