ยุบสภา หุ้นเด้ง!

จากสถานการณ์ทางการเมืองล่าสุด

มีการวิเคราะห์จากบุคคลในแวดวงการเมือง และนักวิเคราะห์ในตลาดหุ้น ที่ต่างมองเกือบจะไปในทิศทางเดียวกัน

นั่นคือ รัฐบาลภายใต้การนำของ “แพทองธาร ชินวัตร” นายกรัฐมนตรี มีโอกาสที่จะยุบสภาสูงมาก

การยุบสภาที่ว่านี้ อาจจะเกิดขึ้นได้ทั้งในเร็ว ๆ นี้

หรืออาจจะมีการปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) พร้อมกับขอผ่านกฎหมายสำคัญไปให้ได้ (ซึ่งยากมาก ๆ) ก่อนจะตัดสินใจยุบสภาในภายหลัง

จากที่ได้คุยกับนักวิเคราะห์ และดูบทวิเคราะห์ของบริษัทหลักทรัพย์ ล่าสุดวานนี้

ต่างมั่นใจว่า รัฐบาล “ยุบสภา” แน่นอน (ให้โอกาสมากกว่า 80-90%)

คำถามคือ เมื่อยุบสภาแล้วตลาดหุ้นไทยจะเป็นอย่างไร

แนวทางคำตอบ จะออกมาในมุมมองที่ว่า มีโอกาสที่ดัชนี (SET) จะปรับขึ้นได้ ทว่าจะเป็นเพียง “ชั่วคราว” เท่านั้น และต่อจากนั้น จะเคลื่อนไหวในกรอบแคบ เพื่อรอดูหน้าตารัฐบาลชุดใหม่

มีความเห็นด้วยว่า หากหน้าตารัฐบาลชุดใหม่ที่ออกมาแตกต่างจากเดิม โดยเฉพาะในกระทรวงเศรษฐกิจ

จะถือว่ามีนัยฯ ต่อตลาดหุ้นไทยอย่างมาก

คือ มีโอกาสเป็นไปได้ที่ดัชนีจะดีดขึ้น หรืออาจจะลดลงต่อได้

แต่หากยังเป็นหน้าตาแบบเดิม ๆ นั่นอาจจะทำให้หุ้นไทยยังคงวนเวียน หรือลงมากกว่าขึ้นอย่างเช่นปัจจุบัน

กลุ่มหุ้นที่แนะนำให้หลีกเลี่ยงในเวลานี้คือ พวก Domestic play และหุ้นที่อิงกับการเมือง ทั้งในกลุ่มสื่อสาร ขนส่ง โรงไฟฟ้า และอาจรวมถึงค้าปลีก

ส่วนหากนักลงทุนคันไม้คันมือ อยากเคาะขวา คือต้องการซื้อให้ได้

กลุ่มที่แนะนำจะเป็นพวกกลุ่ม Defensive เช่น โรงพยาบาล

หรือไม่ก็ไปเข้าซื้อกองทุนโครงสร้างพื้นฐานต่าง ๆ ที่มีอัตราการจ่ายเงินปันผลดี (สูงระดับ 10% ต่อปี) มาต่อเนื่อง เช่น 3BBIF DIF หรือพวกกองรีท (REIT) ที่มีสภาพคล่องอยู่บ้าง

เพราะราคาหน่วยลงทุนของกลุ่มเหล่านี้ จะไม่ได้เคลื่อนไหวไปตามภาวะตลาดมากนัก

หรือหากมีการปรับตัวหรือราคาหน่วยลงทุนลดลง ก็จะเห็นแรงซื้อกลับเข้ามา และดันราคากลับขึ้นมาได้ในช่วงเวลาไม่นานนัก

แต่ก็มีนักวิเคราะห์หลายคนที่แนะนำว่าควรที่จะ wait and see ไปก่อน เพื่อรอดูความชัดเจนทางการเมือง หรือหากจะโยกเงินไปเล่น DR ซึ่งถือเป็นอีกทางเลือกน่าสนใจ

วานนี้ เราจะเห็นว่า ทั้งต่างชาติและนักลงทุนสถาบัน ต่างขายสุทธิ

ซึ่งจากสถานการณ์ทางการเมืองแบบนี้ ต่างชาติไม่ชอบ และพวกกองทุนไม่ชอบเช่นกัน

ดังนั้น มีโอกาสน้อยมาก ๆ ที่ดัชนีหากมีการปรับขึ้นมา (ภายใต้การเมืองปัจจุบัน) แล้วจะวิ่งแบบแรลลี่

ส่วนแนวรับดัชนีในรอบล่าสุดนี้

หากดูในทางเทคนิค แนวรับถัดไป 1,085 จุด

และหากยังหลุดจากระดับดังกล่าวอีก มีการมองลงมาที่ระดับ 1,056 จุด ที่เป็นระดับจุดต่ำสุดเดิม (ล่าสุด) หรือหากยังหลุดที่แนวรับดังกล่าวอีก จะมีโอกาสสูงมากลงมาที่แนวรับ 1,000 จุด ที่เป็นระดับจิตวิทยา

มีคำแนะนำสำหรับนักลงทุนที่ติดหุ้น หรือ “ดอย” ด้วยว่า ไม่ควรที่จะซื้อเพื่อถัวเฉลี่ยต้นทุน เพราะมีโอกาสที่เงินจะจมเพิ่มเติม และให้เลือกแนวทางการถือเงินสดไว้ก่อน

หรือใครอยากจะ “ตัดขาดทุน” ไปก่อนก็ได้

เพราะบอกตามตรงว่า ตลาดหุ้นไทยตอนนี้ และในช่วงเวลา 3-6 เดือนข้างหน้า

ยังไม่เห็นปัจจัยบวกแรง ๆ อะไรเลยที่จะเข้ามาช่วยหนุนตลาดได้

ธนะชัย ณ นคร