พาราสาวะถี

พกความมั่นใจมาจากไหนไม่ทราบ แต่ อนุทิน ชาญวีรกูล ยืนยันเอง เขมรไม่มีเบี้ยวข้อตกลงที่ได้ทำไว้กับไทย


พกความมั่นใจมาจากไหนไม่ทราบ แต่ อนุทิน ชาญวีรกูล ยืนยันเอง เขมรไม่มีเบี้ยวข้อตกลงที่ได้ทำไว้กับไทย หลังจากถูกนักข่าวจี้ถามปมอีกฝ่ายไม่ได้ขนอาวุธหนักไปจากพื้นที่ซึ่งได้ทำข้อตกลงกันไว้ แต่กลับมีข่าวขนมาประชิดพื้นที่ชายแดนไทยแทน พร้อมกับย้อนถามว่า ไปเอาข่าวมาจากไหน เชื่อกัมพูชาทำตามที่ได้ลงนามกันไว้ ถ้าไม่ปฏิบัติตามข้อตกลง ฝ่ายความมั่นคง กองทัพไทยพร้อมที่จะดำเนินการตอบโต้ด้วยความเหมาะสม

อีกประเด็นที่เสี่ยหนูออกตัวแทนเขมรก็คือ การที่ คณะผู้สังเกตการณ์อาเซียน ประจำประเทศไทย หรือ A0T-TH ได้ลงพื้นที่ไปตรวจสอบการปฏิบัติงานเก็บกู้ทุ่นระเบิดด้านมนุษยธรรม ของ นปท.3 ที่บ้านสายโท 10 ใต้ ตำบลสายตะกู อำเภอบ้านกรวด จังหวัดบุรีรัมย์ พร้อมรับฟังบรรยายสรุปผลการปฏิบัติงาน และปัญหาข้อขัดข้องในการเข้าปฏิบัติงานของหน่วย พบว่า การทำงานของเจ้าหน้าที่ไม่ได้รับความร่วมมือในการเก็บกู้ระเบิดในพื้นที่จากฝ่ายทหารกัมพูชา ทั้งนี้ จุดดังกล่าวเป็น 1 ใน 13 พื้นที่ ที่ฝ่ายไทยเสนอในที่ประชุมคณะกรรมการชายแดนส่วนภูมิภาคไทย-กัมพูชา หรือ RBC และมีการลงนามไปแล้วเมื่อ 31 ตุลาคมที่ผ่านมา

กรณีนี้ท่านผู้นำบอกว่า อย่าเพิ่งไปใช้คำว่าขัดขวาง เพราะมีการประชุมกันตลอด ตนได้พูดคุยกับ พลเอกอุกฤษฏ์ บุญตานนท์ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด ระบุยังดำเนินการอยู่ ทั้งเรื่องการถอนกำลัง และการเก็บกู้ทุ่นระเบิด ก็ยังมีการพูดคุยกันต่อไป แต่อาจจะไม่ราบรื่น อย่างไรก็ตาม เป้าหมายต้องชัดเจน ไม่ใช่ว่าขัดขวาง แล้วฝ่ายไทยจะยอม เป็นการตอบเชิงหลักการ ทั้งที่ต้องฟังรายงานจากฝ่ายปฏิบัติว่าผลการดำเนินงานนั้น อีกฝ่ายให้ความร่วมมือด้วยดีหรือไม่

ฟังจากบทสัมภาษณ์ของ พลตรีวินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก เห็นว่าน่าจะต้องให้กระทรวงการต่างประเทศ หรือตัวของนายกฯ ในฐานะผู้ลงนามกับ ฮุน มาเนต เองได้ไปจี้ถามถึงความจริงใจ และความพร้อมในการดำเนินการตามข้อตกลงของฝ่ายเขมร เพราะการเก็บกู้ทุ่นระเบิดจากที่กองทัพบกไปดำเนินการนั้น ฝ่ายไทยได้ดำเนินการตามแผนที่เสนอต่อฝ่ายกัมพูชาครอบคลุมทั้ง 13 พื้นที่ ขณะที่อีกฝ่ายยังไม่มีการดำเนินการอย่างเป็นรูปธรรมในประเด็นดังกล่าว พร้อมคำตอบที่ชวนสงสัย ยังไม่สามารถเริ่มทำการพิสูจน์ทราบทุ่นระเบิดในฝั่งของตนได้ เนื่องจากยังไม่มีคำสั่งจากหน่วยเหนือ

มันหมายความว่าอย่างไร ในเมื่อเสี่ยหนูจับมือกับฮุน มาเนต ต่อหน้า โดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐอเมริกา และ อันวาร์ อิบราฮิม นายกฯ มาเลเซียในฐานะประธานอาเซียน นั่นแสดงว่า ทุกอย่างที่ได้ทำข้อตกลงร่วมกันต้องมีความพร้อมที่จะดำเนินการทันที แต่นี่ยังมาเล่นแง่อ้างว่ายังไม่มีคำสั่งมาจากผู้บังคับบัญชา คำถามง่าย ๆ ก็คือ สายการบังคับบัญชาของเขมรใครเป็นคนออกคำสั่ง หากรูปรอยยังเป็นไปในลักษณะนี้บอกได้เลยว่า ประชาชนโดยเฉพาะคนในพื้นที่ชายแดน ไม่มีใครไว้วางใจเขมร และพาลจะไม่เชื่อใจฝ่ายกุมอำนาจ แน่นอน

คงต้องอยู่ที่การวางแผนของฝ่ายกองทัพ ที่จะดำเนินยุทธวิธีหากฝ่ายเขมรเกิดบิดพลิ้วขึ้นมา เพราะตามข่าวชี้ว่า อีกฝ่ายถอนอาวุธแต่ไม่ได้กลับที่ตั้ง หากแต่นำไปพักไว้ในพื้นที่ห่างจากจุดเดิมไม่เกิน 80 กิโลเมตรเท่านั้น ส่วนของไทยขนกลับหน่วยกันทั้งที่สระบุรี ลพบุรี และกาญจนบุรี ซึ่งไกลจากชายแดนที่เคยเป็นจุดปะทะ เท่าที่ฟังจากทางกองทัพก็ยืนยัน สามารถเคลื่อนย้ายอาวุธกลับเข้าพื้นที่ได้ทัน หากฝ่ายเขมรไม่ทำตามสัญญาที่ได้ตกลงกันไว้ หวังว่าจะเป็นไปตามนั้น อย่างที่รู้กันสถานการณ์ที่เพิ่งผ่านการสู้รบมา หลายเรื่องจำเป็นที่จะต้องลับ ลวง พราง

ส่วนแนวรบทางการเมืองหลายพรรคอยู่ในช่วงการปรับเปลี่ยน ขยับเขย่าผู้นำทัพ บางพรรคก็กำลังซ่องสุมกำลังพลด้วยวิธีการดูด กวาดต้อนทั้งบ้านใหญ่ คนที่มีฐานเสียงแข็งแรงเข้าคอกเป็นการใหญ่ นั่นสะท้อนให้เห็นว่า การเลือกตั้งอาจมาเร็วกว่าไทม์ไลน์ที่เสี่ยหนูได้ประกาศไว้ รวมไทยสร้างชาติชัดเจนว่ายังไปต่อหลังมีการประชุมเพื่อเลือกหัวหน้าพรรคและกรรมการบริหารพรรคกันไปเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา “เสี่ยตุ๋ย” พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค ยังกุมบังเหียนเหมือนเดิม โดยมี “ชัช เตาปูน”ชัชวาล คงอุดม เป็นเลขาธิการพรรค

ที่เข้ามาเติมนั่งเป็นรองหัวหน้าพรรคคือ นราพัฒน์ แก้วทอง หลังจากไขก๊อกจากความเป็นสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์เมื่อไม่นานมานี้ พิจารณาจากภาพรวมระดับแกนนำก็ยังคงเป็นอดีตแกนหลักที่ตีจากพรรคเก่าแก่มาช่วงที่ผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจยังคงมากบารมี เห็นแบบนี้ทำให้มองไปถึงทิศทาง แนวโน้มของการเลือกตั้งครั้งหน้า ประเภทที่ประกาศเป้าหมายกวาด 200 ที่นั่ง แค่วาทกรรมฟังแล้วเคลิ้มเท่านั้น ความจริงก็คือ ยังมีช่องให้พรรคขนาดเล็กและกลางสามารถสอดแทรก เป็นตัวแปรทางการเมืองได้อยู่

ต้องไม่ลืมว่าที่กวาดต้อนกันไปนั้น เมื่อถึงเวลาหลายพื้นที่อาจมีปัญหาทับซ้อน บางพื้นที่พรรคใหญ่มีการเปลี่ยนตัวผู้สมัคร จากครั้งก่อนที่คนไม่เลือกเพราะเบื่อคนเดิม พอเปลี่ยนตัวแล้วได้คนที่ทำพื้นที่ต่อเนื่องย่อมเป็นการสร้างโอกาสในการที่จะเก็บชัยชนะได้ เช่นเดียวกับความเบื่อหน่ายในเรื่องของการเมืองที่มีความขัดแย้งหากเลือกคนสังกัดพรรคที่มองเห็นว่าจะเข้าไปแก่งแย่ง สร้างปัญหา บรรดาคนของพรรคอันดับรองจึงมีความเป็นไปได้ที่รับส้มหล่นเบียดแทรกเข้ามาได้

เบื้องต้นมีการประเมินกันว่าพรรคอย่างกล้าธรรม ชาติไทยพัฒนา พลังประชารัฐ รวมไทยสร้างชาติ ประชาธิปัตย์ เหล่านี้อาจได้ สส.ระดับเลขสองหลักต้น ๆ ซึ่งเมื่อรวมกันแล้วก็จะกลายเป็นเสียงที่มีพลังในการต่อรอง สำหรับพรรคการเมืองที่เข้าวินมาในสามอันดับแรก หากตัดพรรคประชาชนออกไปจากสมการแห่งขบวนอำนาจ ก็พอจะเดาออกว่าหน้าตารัฐบาลจะเป็นยังไง การเมืองประเทศไทยเรื่องที่จะโกรธกันชนิดผีไม่เผาเงาไม่เหยียบไม่มี ทุกพรรคต่างยึดหลักไม่มีมิตรแท้และศัตรูถาวรทั้งนั้น

อรชุน

Back to top button