จับตา 4 หุ้นน้ำตาลแรงดีไม่มีตก!สมาคม-โบรกชี้ ธุรกิจดาวรุ่งปี 60

จับตา 4 หุ้นธุรกิจน้ำตาลแรงดีไม่มีตก! สมาคมน้ำตาล-โบรกฯชี้ปี 60 ธุรกิจดาวรุ่ง


แนวโน้มของเศรษฐกิจโลกโดยเฉพาะประเทศที่กำลังพัฒนามีเศรษฐกิจที่เริ่มฟื้นตัวในทางที่ดีขึ้น จึงเป็นปัจจัยเกื้อหนุนที่ดีต่อความต้องการบริโภคน้ำตาลทรายในตลาดโลกและค่าเงินบาทที่อ่อนลง ยังส่งผลดีต่อภาพรวมของอุตสาหกรรมอ้อยและน้ำตาลทรายในปีนี้ที่จะมีรายได้จากการส่งออกน้ำตาลเพิ่มขึ้นอีกด้วย

ไม่เพียงเท่านั้นแนวโน้มราคาน้ำตาลโลกในปี 2017 ยังสดใสจากภาวะขาดดุลเป็นปีที่ 2 ติดต่อกันราว 8-9 ล้านตัน ซึ่งตรงนี้ถือเป็นผลดีต่อหุ้นในกลุ่มน้ำตาล อาทิ KSL,KTIS,KBS และ BRR อีกทั้งสมาคมโรงงานน้ำตาลและนักวิเคราะห์ต่างมองแนวโน้มราคาน้ำตาลปีนี้และปีหน้่าสดใสและถือเป็นธุรกิจดาวรุ่งก็ว่าได้

ดังนั้น ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์ จึงได้ทำการรวบรวมข้อมูลบริษัทจดทะเบียน (บจ.) ที่ดำเนินธุรกิจเกี่ยวกับการผลิตและจำหน่ายน้ำตาลทราย และธุรกิจที่เกี่ยวกับผลิตภัณฑ์พลอยได้ที่ได้จากการผลิตน้ำตาลทรายมานำเสนอ เพื่อให้ประกอบในการตัดสินใจและพิจารณาการเข้าลงทุนหุ้นกลุ่มนี้อีกทาง

ทิศทางราคา 4 หุ้นน้ำตาลปรับขึ้นอย่างต่อเนื่องในช่วงที่ผ่านมา

SUGAR2

กราฟประกอบข่าว : Aspen

 

นายสิริวุทธิ์ เสียมภักดี ประธานคณะทำงานด้านประชาสัมพันธ์ 3 สมาคมโรงงานน้ำตาลทราย เปิดเผยว่า การเพาะปลูกปีนี้ถือเป็นโอกาสดีของอุตสาหกรรมอ้อยและน้ำตาลทรายไทยอีกปีหนึ่ง เนื่องจากโรงงานน้ำตาลทรายได้ประเมินปริมาณสต๊อกน้ำตาลทรายในตลาดโลกที่คาดว่าจะปรับตัวลดลงทำให้หลายประเทศเริ่มสั่งซื้อน้ำตาลทรายเพิ่มขึ้น เพื่อบริหารความเสี่ยงให้เพียงพอต่อความต้องการของแต่ละประเทศ

ขณะเดียวกันแนวโน้มของเศรษฐกิจโลกโดยเฉพาะประเทศที่กำลังพัฒนามีเศรษฐกิจที่เริ่มฟื้นตัวในทางที่ดีขึ้น จึงเป็นปัจจัยเกื้อหนุนที่ดีต่อความต้องการบริโภคน้ำตาลทรายในตลาดโลกและค่าเงินบาทที่อ่อนลง ยังส่งผลดีต่อภาพรวมของอุตสาหกรรมอ้อยและน้ำตาลทรายในปีนี้ที่จะมีรายได้จากการส่งออกน้ำตาลเพิ่มขึ้นอีกด้วย

นายสิริวุทธิ์ กล่าวว่า กลุ่มอุตสาหกรรมอ้อยและน้ำตาลทรายไทยได้ประเมินถึงทิศทางราคาพืชผลทางเศรษฐกิจที่สำคัญของไทย เช่น อ้อย มันสำปะหลังและยางพารา ในช่วง 2-3 ปีข้างหน้าหรือระหว่างปีการเพาะปลูก 2559-2561 พบว่า อ้อยจัดเป็นพืชเศรษฐกิจที่มีความแข็งแกร่งมากขึ้นเมื่อเทียบกับพืชเศรษฐกิจชนิดอื่นๆ ที่จะช่วยให้เกษตรกรชาวไร่มีรายได้จากการเพาะปลูกอ้อยเพิ่มสูงขึ้นเมื่อเทียบกับช่วงที่ผ่านมา

เนื่องจากราคาน้ำตาลทรายที่ผลิตมาจากอ้อยในปีนี้อยู่ในเกณฑ์เฉลี่ยที่สูง โดยมีราคาอยู่ที่ 18-20 เซนต์/ปอนด์ ซึ่งส่งผลให้เมื่อนำมาคำนวณเข้าสู่ระบบแบ่งปันผลประโยชน์ 70:30 จะทำให้ชาวไร่อ้อยมีรายได้เพิ่มขึ้น

โดยปีนี้ถือว่าอ้อยเป็นพืชที่สร้างผลตอบแทนที่ดีให้แก่ชาวไร่เมื่อเทียบกับช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมา โดยราคาอ้อยขั้นต้นของฤดูการหีบอ้อยปี 2559/60 ที่คณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทรายกำหนดราคาอยู่ที่ 1,050 บาทต่อตันอ้อย ที่ความหวาน 10 ซี.ซี.เอส. ยกเว้นพื้นที่เพาะปลูกเขต 5 ที่กำหนดราคาอ้อยขั้นต้นอยู่ที่ 980 บาทต่อตันอ้อย ซึ่งสูงขึ้นมากเมื่อเทียบกับราคาอ้อยขั้นต้นของฤดูหีบที่ผ่านมาซึ่งอยู่ที่ 808 บาทต่อตันอ้อย

ส่วนพื้นที่เพาะปลูกเขต 5 ที่กำหนดราคาอ้อยขั้นต้นในปีก่อนเพียง 773 บาทต่อตันอ้อย ซึ่งจากราคาอ้อยขั้นต้นดังกล่าว ถือเป็นราคาเหมาะสมที่จะทำให้ชาวไร่อ้อยมั่นใจได้ว่า จะมีรายได้จากการเพาะปลูกอ้อยเพื่อจัดส่งให้แก่โรงงานน้ำตาลเพิ่มขึ้น

 

ศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจ ทีเอ็มบี หรือ TMB Analytics ยก “อ้อย” เป็น “ดาวรุ่ง” สินค้าเกษตรไทยปีหน้า ผลผลิต “กุ้งขาว” รีเทิร์นเพิ่มต่อเนื่อง ด้านมันสำปะหลัง ยังน่าห่วง ชี้รัฐเร่งดูแลหลังจีนลดนำเข้า แนะเกษตรกรลดพึ่งพาการเกษตรเชิงเดี่ยวตามรอยพระราชดำรัส ช่วยรัฐปรับโครงสร้างการผลิตสินค้าเกษตรจากระดับจุลภาค

โดยสินค้าเกษตร “ดาวรุ่ง” ที่มีแนวโน้มดีต่อเนื่องถึงปีหน้า คือ “อ้อย” เนื่องจากราคาน้ำตาลตลาดโลกปรับตัวขึ้นอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ต้นปี โดยราคาน้ำตาลทรายดิบตลาดนิวยอร์ก ปลายเดือนพฤศจิกายนอยู่ที่ 19.8 เซนต์ต่อปอนด์ เพิ่มขึ้นกว่าร้อยละ 50 จากราคาเมื่อเดือนมกราคม 2559 โดยราคาเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องหลังจากราคาทำจุดต่ำสุดในเดือนสิงหาคม 2558 และคาดหมายว่าราคายังอยู่ในแนวโน้มที่ดีในปีหน้าหลังอุปทานตลาดโลกตึงตัว ส่งผลให้ปีนี้เกษตรกรผู้ปลูกอ้อยยิ้มได้จากราคาอ้อยฤดูกาลผลิต 2559/60 สูงกว่าปีที่ผ่านมา

ด้านการเพาะเลี้ยงกุ้งกำลังเป็น “ดาวเด่น” สินค้าเกษตรไทย เข้าสู่ภาวะผลผลิตฟื้นตัวต่อเนื่อง หลังจากโรคตายด่วนระบาดเมื่อ 4 ปีก่อนทำให้ผลผลิต”กุ้งขาว”ลดลงกว่าร้อยละ 60 กระทบอุตสาหกรรมอาหารส่งออกของไทยขาดแคลนวัตถุดิบ เราคาดว่าผลผลิตยังมีแนวโน้มสูงขึ้นร้อยละ 15 ในปีหน้า ซึ่งเป็นผลจากการปรับปรุงกระบวนการเลี้ยงกุ้งของเกษตรกร ส่วนราคากุ้งยังอยู่ในเกณฑ์ที่ดีจากความต้องการของตลาดโลก กุ้งขาวจึงถูกคาดว่าจะ “รีเทิร์น” กลับมาสดใสอีกครั้ง

 

บล.ฟินันเซีย ไซรัส ระบุในบทวิเคราะห์ว่าSoft commodity ได้รับผลบวกตามราคาน้ำมัน นับตั้งแต่ Trump ชนะเลือกตั้ง นอกจากพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐที่พลิกกลายเป็นสินทรัพย์ที่ให้ผลตอบแทนสูงที่สุดจากราคาน้ำมันที่เพิ่มขึ้นแล้ว Soft commodity ก็ปรับสูงขึ้นอย่างโดดเด่น แนวโน้มโภคภัณฑ์ที่ราคาจะดีขึ้นในปีหน้าคือน้ำตาล

แนวโน้มราคาน้ำตาลโลกสดใสในปี 2017 จากภาวะขาดดุลเป็นปีที่ 2 ติดต่อกันราว 8-9 ล้านตัน ซึ่งเป็นผลดีต่อหุ้นในกลุ่มน้ำตาลทั้งหมด แต่เชอบ KSL (ราคาพื้นฐาน 4.80 บาท) มากสุดเพราะฟื้นทุกธุรกิจ ธุรกิจน้ำตาล KSL ทยอยล็อกราคาขายส่งออกของปีหน้าไปแล้ว 70% ที่ราคาสูงขึ้นจากปีนี้ 29-35% ส่วนธุรกิจไฟฟ้าและเอธานอลดีขึ้นตามความต้องการที่เพิ่มขึ้น แต่ราคาหุ้นใกล้เต็มมูลค่า แนะนำซื้ออ่อนตัว

 

บล.เคจีไอ (ประเทศไทย) ระบุในบทวิเคราะห์ว่า ราคาน้ำตาลขึ้นหนุนกำไรบริษัทน้ำตาล KSL ส่งลูกเข้า SET ปีหน้า BRR-KTIS เปิดแผนปั๊มกำลังผลิต นายชนะชัย ชุติมาวรพันธ์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท น้ำตาลขอนแก่น (KSL) เปิดเผยว่า งวดปี 2560 (เดือน ต.ค. 2559-ก.ย. 2560) รายได้ของบริษัทจะเติบโต 10% ธุรกิจน้ำตาลจะทำกำไรโดดเด่นตามราคาขายน้ำตาลที่เพิ่มขึ้น

ขณะที่บริษัทได้ขายน้ำตาลล่วงหน้าแล้ว 70% ของเป้าหมายกำลังการผลิตและขายในปีหน้าที่ 7.50 แสนตัน ในราคาเฉลี่ย 20-21 เซนต์/ปอนด์ เพิ่มสูงขึ้น 30% จากราคาขายเฉลี่ยในปี 2559 อยู่ที่ 16 เซนต์/ปอนด์ ในช่วง 3-5 ปีข้างหน้า โครงสร้างนี้จะยังใกล้เคียงกันโดยรายได้ธุรกิจน้ำตาล 70% ของรายได้รวมที่เหลือจะมาจากธุรกิจอื่น

 

นายชลัช ชินธรรมมิตร์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท น้ำตาลขอนแก่น จำกัด (มหาชน) หรือ KSL เปิดเผยว่า ในงวดปี 59/60 (พ.ย.59-ต.ค.60) คาดว่ากำไรจะเติบโตจากปีนี้ ตามรายได้ที่คาดว่าจะเติบโต 15-20% โดยธุรกิจน้ำตาลคาดว่าจะเติบโตราว 20% แม้ปริมาณอ้อยเข้าหีบอาจทรงตัวที่ 7.4 ล้านตันเป็นผลจากภาวะภัยแล้งต่อเนื่อง แต่คาดว่าราคาน้ำตาลจะปรับขึ้นราว 30% ช่วยหนุนรายได้ ส่วนธุรกิจไฟฟ้าคาดว่าการเดินเครื่องผลิตน่าจะกลับมาเป็นปกติหลังแก้ปัญหาเสร็จสิ้นไปแล้ว และราคาขายไฟฟ้าไม่น่าจะต่ำกว่าปัจจุบันมากนัก ขณะที่ธุรกิจเอทานอล คาดว่าปริมาณและราคาขายน่าจะปรับตัวสูงขึ้น โดยปัจจุบันเริ่มมีคำสั่งซื้อล็อตใหญ่เข้ามาในช่วงไตรมาส 4 นี้แล้ว

นอกจากนี้ ในงวดปีหน้าผลประกอบการของธุรกิจน้ำตาลในลาวและกัมพูชา ยังมีแนวโน้มจะสามารถทำกำไรได้เป็นครั้งแรกในรอบ 8 ปีที่บริษัทได้เข้าไปลงทุน จากราคาน้ำตาลที่สูงขึ้น อย่างไรก็ตาม บริษัทก็ยังมองโอกาสในการหาพันธมิตรเข้ามาร่วมลงทุนในธุรกิจน้ำตาลทั้งสองประเทศ แต่ก็ไม่ได้เร่งรีบมากนัก

บล.บัวหลวง ระบุว่า KSL ผลการดำเนินงานของทั้งสามธุรกิจหลักได้แก่ ธุรกิจน้ำตาล ธุรกิจเอทานอล และธุรกิจไฟฟ้าจะพลิกกลับอย่างแข็งแกร่งในปี 2560 เราจึงเชื่อว่าหุ้น KSL น่าจะซื้อขายในระดับ PER ที่สูงกว่าค่าเฉลี่ยระยะยาวของหุ้นเองซึ่งอยู่ที่ 15 เท่า ส่งผลให้เราทำการปรับค่า PER ใหม่สำหรับหุ้น KSL เพิ่มขึ้นไปอยู่ที่ 23.3 เท่าซึ่งถือว่าเป็นอัตราส่วน PER ที่สูงสุดที่ช่วง 1 ปีที่ผ่านมา (หรือคิดเป็นส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน +1.5 เหนือค่าเฉลี่ย PER ระยะยาว) และทำการปรับราคาเป้าหมายซึ่งอิงด้วยวิธี PER เพิ่มขึ้นเป็น 7.75 บาท ยังคงคำแนะนำ “ซื้อ” เนื่องจากการฟื้นตัวของกำไรอย่างมีนัยสำคัญในปี 2560 ซึ่งได้รับปัจจัยหนุนจากธุรกิจน้ำตาล เอทานอล และไฟฟ้า 

 

นายอนันต์ ตั้งตรงเวชกิจ ประธานกรรมการบริหาร บริษัทน้ำตาลบุรีรัมย์ จำกัด (มหาชน) หรือ BRR เปิดเผยว่า บริษัทคาดว่ารายได้ปี 60 จะเติบโตราว 20-30% จากปีนี้ เป็นไปตามปริมาณอ้อยเข้าหีบฤดูกาลปี 60/61 น่าจะเพิ่มขึ้นเป็น 3 ล้านตัน หรือคิดเป็นผลิตน้ำตาลต่อตันอ้อยเฉลี่ย (yield) อยู่ที่ 117 กิโลกรัมต่อตันอ้อย จากปีนี้ปริมาณอ้อยเข้าหีบฤดูกาลปี 59/60 จะเป็นไปตามเป้าหมายที่ 2.3-2.4 ล้านตัน

ทั้งนี้ มองราคาน้ำตาลโลกน่าจะอยู่ในทิศทางขาขึ้น เนื่องจากปริมาณน้ำตาลทั่วโลกจะเกิดภาวะขาดดุล เพราะผลผลิตยังน้อยกว่าความต้องการบริโภคน้ำตาล โดยประเมินภาวะขาดดุลน้ำตาลในปี 59 จะอยู่ที่ราว 6 ล้านตัน และปี 60 ยังคงจะขาดดุลต่อเนื่องอีก 5 ล้านตัน สืบเนื่องมาจากปัญหาสภาพภูมิอากาศในประเทศผู้ผลิตน้ำตาลที่สำคัญในโลก เช่น ไทย อินเดีย และ จีน ขณะที่ความต้องการบริโภคน้ำตาลทรายของโลกยังเติบโตปีละ 1.8-2% ตามการบริโภคที่สูงขึ้น

บล.บัวหลวง ระบุว่า BRR แนะนำ “ซื้อ” ภาวะที่ราคาน้ำตาลในตลาดโลกซึ่งยังคงเป็นภาวะขาขึ้นและน่าจะต่อเนื่องไปยังปี 2560 จะส่งผลบวกต่อ BRR ในแง่ของราคาขายส่งออกที่ทำการล็อกสัญญาล่วงหน้ากับลูกค้าที่เพิ่มขึ้น และเนื่องจากทั้งราคาขายส่งออกและผลผลิตน้ำตาลของบริษัทที่เพิ่มขึ้น (จากพื้นที่เพาะปลูกและผลผลิตต่อพื้นที่เพาะปลูกที่เพิ่มขึ้น) ในปี 2560

คาดกำไรของ BRR จะฟื้นตัวแข็งแกร่งอย่างมีนัยสำคัญในปี 2560 อัพไซด์ของการประเมินมูลค่าพื้นฐานของหุ้น BRR จะมาจากการปลดล๊อกมูลค่าหุ้นจากการจัดตั้งกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานซึ่งคาดว่าจะเกิดขึ้นในช่วงกลางปี 2560 ในส่วนของอัพไซด์ของกำไรสุทธิในระยะยาวจะมาจากโครงการโรงน้ำตาลฟอกขาวแห่งใหม่ในปี 2561 โครงการโรงเอทานอลในช่วงปี 2561/62 และโรงไฟฟ้าแห่งใหม่โรงที่สี่ในปี 2563 (อย่างเร็วที่สุด) 

 

นายสมชาย สุวจิตตานนท์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร สายธุรกิจอ้อยและน้ำตาล บริษัท เกษตรไทย อินเตอร์เนชั่นแนล ชูการ์ คอน์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ KTIS เปิดเผยว่า ในปี 60 ผลงานจะกลับมาเติบโตได้อีกครั้ง จากปีนี้ที่คาดว่ารายได้จะหดตัว ซึ่งเป็นผลมาจากราคาน้ำตาลในฤดูกาลปี 59/60 จะมีการปรับตัวเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 22 เซ็นต์/ปอนด์ จากราคาน้ำตาลในฤดูกาลปี 58/59 ที่ 16 เซ็นต์/ปอนด์ จากความต้องการใช้น้ำตาลในตลาดโลกที่ขยายตัวเพิ่มขึ้น

ขณะที่แนวโน้มปริมาณอ้อยเข้าหีบในฤดูกาลปี 59/60 คาดว่าจะเพิ่มขึ้นจากฤดูกาลปี 58/59 ที่มีปริมาณอ้อยเข้าหีบอยู่ที่ 7 ล้านตันอ้อย เนื่องจากในช่วงตั้งแต่ครึ่งปีหลังของปีนี้มีปริมาณฝนมากขึ้นกว่าในช่วงที่ผ่านมาอย่างชัดเจน ทำให้เกษตรกรผู้ปลูกอ้อยเริ่มสามารถปลูกผลผลิตได้ และเริ่มมีผลผลิตออกมาจำนวนมาก ซึ่งเป็นแนวโน้มที่ดีว่าปัญหาภัยแล้งเริ่มคลี่คลายลง และส่งผลให้ปริมาณผลผลิตอ้อยเพิ่มมากขึ้น

 

นายทัศน์ วนากรกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท น้ำตาลครบุรี จำกัด (มหาชน) หรือ KBS เปิดเผยว่า บริษัทคาดว่าผลการดำเนินงานในปี 59 จะพลิกมีกำไรสุทธิจากปีก่อนที่ขาดทุนสุทธิ 50.18 ล้านบาท เนื่องจากแนวโน้มราคาน้ำตาลดิบในตลาดโลกเริ่มมีแนวโน้มฟื้นตัวขึ้นจากการแข็งค่าขึ้นของค่าเงินเรียลของบราซิล โดยบริษัทประเมินราคาน้ำตาลดิบเฉลี่ยทั้งปีในตลาดโลกจะมากกว่า 15 เซ็นต์/ปอนด์ จากเฉลี่ยปีก่อนที่ 15 เซ็นต์/ปอนด์

อีกทั้งในปัจจุบันความต้องการน้ำตาลทรายดิบมีมากกว่าปริมาณการผลิตน้ำตาลทรายดิบ ส่งผลให้ราคาขายน้ำตาลทรายดิบมีแนวโน้มสูงขึ้น และทำให้ส่วนต่างระหว่างราคาวัตถุดิบกับราคาขายน้ำตาลทรายดิบปรับเพิ่มขึ้นเป็น 108 เหรียญสหรัฐ/ตัน จากปีก่อนที่ 104 เหรียญสหรัฐ/ตัน รวมไปถึงราคาน้ำตาลทรายขาวพรีเมี่ยมที่ปัจจุบันปรับตัวมาอยู่ที่ 900-100 เหรียญสหรัฐ/ตัน จากปีก่อนที่ 60 เหรียญสหรัฐ/ตัน ส่งผลดีต่อกำไรของบริษัท

Back to top button