มะเขือเผา!

*ถ้าพูดถึงจุดอ่อนของตลาดหุ้นไทยที่เกิดขึ้นในเวลานี้ “โมนิก้า” คงเทน้ำหนักไปที่การขาดภูมิคุ้มกันถาวร ส่งผลให้การขึ้นในช่วงหลังๆ มีลักษณะเป็นมะเขือเผา และมักชอบแสดงอาการแข็งตัวให้เห็นเป็นประจำ ก่อนจะจบลงด้วยการล่มปากอ่าวทุกครั้ง เดี๊ยนถึงไม่ค่อยมีอารมณ์ร่วมกับการ “กระชากขึ้น กระชากลง” ของดัชนีในแต่ละวัน เพราะมันเป็นอารมณ์ของพวกกระต่ายตื่นตูมน่ะซี


เจาะกระดาน : โมนิก้าและทีมงาน

*ถ้าพูดถึงจุดอ่อนของตลาดหุ้นไทยที่เกิดขึ้นในเวลานี้ “โมนิก้า” คงเทน้ำหนักไปที่การขาดภูมิคุ้มกันถาวร ส่งผลให้การขึ้นในช่วงหลังๆ มีลักษณะเป็นมะเขือเผา และมักชอบแสดงอาการแข็งตัวให้เห็นเป็นประจำ ก่อนจะจบลงด้วยการล่มปากอ่าวทุกครั้ง เดี๊ยนถึงไม่ค่อยมีอารมณ์ร่วมกับการ “กระชากขึ้น กระชากลง” ของดัชนีในแต่ละวัน เพราะมันเป็นอารมณ์ของพวกกระต่ายตื่นตูมน่ะซี

*ประกอบกับอุปนิสัยของเดี๊ยนเป็นพวก “เข้าเร็ว เข้าหนัก” จึงชอบปรับรูปแบบการเล่นในแต่ละวันไปเรื่อยๆ ซึ่งรูปแบบที่ว่ามาทั้งหมดก็มีไม่กี่อย่างด้วยกัน แถมแต่ละอย่างก็เม้าท์ให้ฟังไปหมดแล้ว “โมนิก้า” ถึงไม่อยากพูดถึงการขยับขึ้นมาปิดที่ 1,801.43 จุด บวกไป 1.59 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 5.61 หมื่นล้านบาท เพราะเอาเข้าจริงก็เป็นรูปแบบเดิมๆ ไม่มีอะไรแปลกใหม่สักอย่างนะจะบอกให้

*อีกทั้งข่าวสารของผู้คนในแวดวงตลาดหุ้นไม่มีอะไรแปลกใหม่ บรรยากาศการลงทุนเลยดูเซื่องๆ ซึมๆ ผิดไปจากเมื่อก่อนค่อนข้างมาก ซึ่งเป็นอีกหนึ่งเรื่องที่ทำให้ “โมนิก้า” ต้องเริ่มทบทวนเรื่องราวต่างๆ เพื่อประมวลผลของการเล่นหุ้นเที่ยวนี้ หลังข้อมูลที่ปรากฏต่อสาธารณชนไม่ค่อยมีเรื่องแฮปปี้สักเท่าไหร่? ภาพของการเล่นหุ้นถึงรวนไปหมดทุกอย่างไงล่ะคะ

*ส่วนที่ชัดเจนแจ่มแจ๋วคงโฟกัสไปที่ IVL มากกว่าหุ้นตัวอื่นๆ เพราะทันทีที่ประกาศเทกโอเวอร์บริษัทอีก 2 แห่ง ดันกำไรเพิ่มขึ้นอีก 2 พันล้านบาท แรงซื้อก็เริ่มไหลกลับเข้ามาเรื่อยๆ จนวานนี้ขึ้นมาปิดที่ 56.50 บาท บวกไป 1.25 บาท หรือขึ้นไป 2.25% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 3 พันล้านบาท “โมนิก้า” มองเป็นเรื่องที่ฟังดูดี ทำได้จริง ไม่ต้องวอรี่อะไรทั้งนั้น จึงขอมองยอดเดิมแถว 60 บาทอีกครั้งนะคะ

*เหมือนกับในรายของ AOT ทุกคนรู้ดีว่า แวลูในอนาคตจะสูงกว่าราคาในกระดานตอนนี้ แต่ไม่มีใครกล้าไล่ราคาแบบสุดซอยนั้น “โมนิก้า” มองเป็นเรื่องของบรรยากาศการลงทุนไม่เอื้อ รวมทั้งกลุ่มนักเล่นสถาบันเก็บหุ้นไว้เต็มพอร์ต จึงหันมาเล่นเก็งกำไรในช่วงที่ราคาหุ้นแกว่งตัวลงเป็นการทดแทน ภาพของหุ้นถึงมีลักษณะเหมือนเล่นกันไม่สุดสักที หุ้นถึงยืนได้แค่ระดับ 68.50 บาท บวกไป 0.75 บาท ด้วยมูลค่า 2.29 พันล้านบาทแบบเกร็งๆ เจ้าค่ะ

*อาการดังกล่าวเหมือนเรื่องที่เกิดขึ้นกับ GULF พอลงมาถึงเส้นแนวรับ 75 วันบริเวณ 68.50 บาท ก็มีแรงซื้อกลับเข้ามาไล่ราคาหุ้นอีกรอบ จนหุ้นพุ่งขึ้นมาปิดที่ 69.25 บาท บวกไป 0.50 บาท หรือขึ้นไป 0.73% ด้วยมูลค่าซื้อขาย 916 ล้านบาท “โมนิก้า” ถึงกล้ามองกลับไปยอดเก่าบริเวณ 73 บาท แต่เผอิญในระหว่างทางเจอเส้นแนวต้าน 10 วัน กับ 25 วันขวางไว้แบบถี่ๆ จึงต้องดูกันแบบวันต่อวัน อย่าหวังสูงเลยค่ะ

*ขนาดหุ้นน้องใหม่ CMAN มีแรงเชียร์เยอะแยะมากมาย พร้อมกับชูจุดเด่นให้เห็นเป็นระยะ พอเอาเข้าจริงก็ทำได้แค่การปิดที่ 4.36 บาท บวกไป 0.52 บาท หรือขึ้นไป 13.50% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 1.61 พันล้านบาท ก็เป็นอีกหนึ่งตัวอย่างที่ทำให้รู้ว่า ช่วงนี้หุ้นใหญ่ไปยากเหลือเกิน เพราะกลุ่มนักเล่นสถาบันไม่ได้โฟกัสหุ้นตัวนี้มากเป็นพิเศษ สถานการณ์ของหุ้นเลยเรื่อยๆ เปื่อยๆ ไงล่ะคะ

*ส่วนที่มีลุ้นเป็นระยะอย่างเจ้าจำปี THAI มีแรงซื้อไหลกลับเข้ามาอย่างต่อเนื่อง จนหุ้นพุ่งขึ้นมาปิดที่ 16 บาท บวกไป 0.60 บาท หรือขึ้นไป 3.90% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 138 ล้านบาท ทั้งที่ก่อนหน้านี้ยืนอยู่ที่ 14 บาท “โมนิก้า” มองเป็นช็อตที่นักเล่นต้องโหนกระแสไว้นิดหน่อย เพราะการกลับเข้ามาไล่ราคาเที่ยวนี้ น่าจะมีอะไรพิเศษมากกว่ารอบก่อนๆ จริงหรือไม่..วันนี้รู้ผลค่ะ

*หมดสภาพของแท้ “โมนิก้า” คงมองไปที่ SIRI โดนเทขายกดลงมาทุกวัน จนล่าสุดหุ้นยืนอยู่ที่ 1.79 บาท ลบไป 0.02 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 81 ล้านบาท สะท้อนภาพให้รู้ว่า ไม่มีใครเอา? จึงปล่อยให้ราคาไหลลงมาเรื่อยๆ และเป็นสาเหตุที่ทำให้เดี๊ยนต้องแนะนำแฟนคลับว่า อย่าเข้าไปยุ่งดีกว่า เพราะยังไม่เห็นตัวแปรสำคัญที่จะทำให้หุ้นกลับมาอย่างร้อนแรงพะย่ะค่ะ

*อีกหนึ่งหุ้นต้องห้ามสำหรับคนใจเสาะอย่าง SEAOIL ยังคงเป็นของแสลงของคนที่มองเกมหุ้นแบบยาวๆ แต่กลับเป็นของดีสำหรับพวกที่ถนัดเดย์เทรด “โมนิก้า” ถึงไม่แปลกใจที่เห็นหุ้นวิ่งขึ้นมาปิดที่ 2.62 บาท บวกไป 0.54 บาท หรือขึ้นไป 26% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 81 ล้านบาท เพราะการเล่นเที่ยวนี้ไม่ได้มีอะไรแตกต่างจากเมื่อ 2 สัปดาห์ก่อนเลยแม้แต่นิดเดียว..อาจต่างกับครั้งก่อนตรงทุบแล้วดัน ครั้งนี้นิ่งแล้วดันก็เท่านั้นเองจ้า!

Back to top button