โบรกฯ ฟันกำไร ROBINS ไตรมาส 4 พีคสุดแห่งปี ลุ้นครม.เคาะ “ช้อปช่วยชาติ”

โบรกฯ ฟันธงกำไร ROBINS ไตรมาส 4 พีคสุดแห่งปี รับไฮซีซั่น ลุ้นครม.เคาะ “ช้อปช่วยชาติ” หนุนผลงานโต


“ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์” ได้สำรวจข้อมูลและบทวิเคราะห์หุ้น บริษัท โรบินสัน จำกัด (มหาชน) หรือ ROBINS หลังมีแนวโน้มว่าที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เตรียมอนุมัติมาตรการช้อปช่วยชาติ สนับสนุนการซื้อขายบริโภคอุปโภคของประชาชน เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ ซึ่งคาดว่า ROBINS จะได้รับอานิสงส์จากมาตรการดังกล่าวเมื่อมีผลบังคับใช้

ทั้งนี้ จากการสำรวจข้อมูลค่าสถิติสำคัญ ล่าสุด ณ วันที่ 23 พ.ย.2561 พบว่า ค่า P/E อยู่ที่ 24.93 เท่า ต่ำกว่าค่า P/E กลุ่มพาณิชย์ ซึ่งอยู่ที่ 27.83 เท่า

ขณะที่ ราคาหุ้น ROBINS ปิดตลาดวานนี้ (26 พ.ย.) อยู่ที่ระดับ 66.25 บาท บวก 0.25 บาท หรือ 0.38% ด้วยมูลค่าซื้อขาย 89.14 ล้านบาท และยังมีอัพไซด์จากราคาเป้าหมายโดยนักวิเคราะห์ที่ 85 บาท อยู่ 28.30%

ด้าน นักวิเคราะห์ บล.เคจีไอ (ประเทศไทย) ระบุในบทวิเคราะห์ แนะนำ “ซื้อ” หุ้น ROBINS ราคาเป้าหมาย 85 บาท/หุ้น โดยคาดว่า SSSG ในไตรมาส 4/61 จะอยู่ที่ 0-1% และคาดว่า SSSG ของบริษัทในปี 2561 น่าจะเป็นไปตามประมาณการของ บล.เคจีไอ (ประเทศไทย) ที่ 1.0% และเป็นไปตามที่บริษัทคาดไว้ ตามแผนขยายธุรกิจปีหน้า บริษัทจะเปิดห้างใหม่สามแห่ง และหนึ่งในนั้นจะอยู่ใน format ใหม่ (ห้างสรรพสินค้าขนาดเล็ก) ซึ่งจะเหมาะกับจังหวัดขนาดเล็ก

นอกจากนี้บริษัทยังคงเป้าจะเพิ่มสัดส่วนยอดขายสินค้าแบรนด์ private ต่อยอดขายรวมปีนี้เอาไว้ที่ 12% ซึ่งทำให้คาดว่าจะเห็นสัดส่วนยอดขายสินค้ากลุ่มนี้เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญในไตรมาส 4/61 ซึ่งจะหนุนให้ GPM เพิ่มขึ้น เนื่องจากไตรมาสสุดท้ายเป็นช่วง peak season และมีการวางจำหน่ายสินค้าแบรนด์ private ล็อตใหม่ ซึ่งจะส่งผลให้ผลประกอบการในไตรมาส 4/61 สูงสุดในรอบปี

ส่วน นักวิเคราะห์ บล.ฟินันเซีย ไซรัส ระบุในบทวิเคราะห์ แนะนำ “ซื้อ” หุ้น ROBINS ให้ราคาเป้าหมาย 83 บาท/หุ้น โดยคาดหวังการฟื้นตัวในเดือน ธ.ค. ที่เป็น High Season ของธุรกิจ และจะเป็นหุ้นที่ได้ประโยชน์จากการฟื้นตัวของกำลังซื้อในต่างจังหวัด

รวมถึงอาจมีมาตรการกระตุ้นการใช้จ่าย แต่ถึงแม้จะไม่มี ก็ยังคาดกำไรไตรมาส 4/61 จะเติบโตทำจุดสูงสุดของปี เนื่องจากอัตรากำไรขั้นต้นจะกลับมาฟื้นตัวแรง จากการเพิ่มขึ้นของ Private Brand และจะเปิดสาขาใหม่อีก 1 แห่ง ในรูปแบบ Lifestyle Center ช่วยหนุนการโตของพื้นที่เช่า

ขณะที่ยังมีหลายปัจจัยหนุนการเติบโตในปีหน้าทั้ง การเปิดสาขาใหม่ 3 แห่ง (2 ใหญ่ 1 เล็ก) การเพิ่มพื้นที่เช่า การเพิ่มสัดส่วนสินค้า Private Brand ต่อเนื่อง และการเน้นธุรกิจ Online มากขึ้น แม้สัดส่วนยังน้อย แต่มีศักยภาพการเติบโตที่ดี และยังคาดกำไรสุทธิปี 2561  เติบโต 13.5% เทียบจากปีก่อน และกำไรปี 2562 โต 15% เทียบจากก่อน

ขณะเดียวกัน นักวิเคราะห์ บล.แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ ระบุในบทวิเคราะห์ แนะนำ “ซื้อ” ROBINS ราคาเป้าหมาย 82 บาท/หุ้น ทุกอย่างเป็นไปตามเป้าหมาย ยกเว้นสินค้า Private Brand ที่อยู่ระหว่างปรับกลยุทธ์ โดยบริษัทยังคงเป้ายอดขายสาขาเดิมเติบโต 0-2% เมื่อเทียบจากปีก่อน จากการเติบโตหลักยังมาจากยอดขายสาขาใหม่และยอดขายออนไลน์ที่เติบโตก้าวกระโดด

ขณะสัดส่วนสินค้า Private Brand ที่มีมาร์จิ้นสูงไม่น่าเป็นตามเป้าที่จะเพิ่มขึ้นเป็น 12% เพราะแผนกสินค้าราคาถูก Just Buy  หลายรายการไม่ตอบโจทย์ผู้บริโภค จึงได้ทยอยปรับลดพื้นที่ขาย และตัดสินค้าที่ยอดขายไม่ดีออกไป  ขณะยังคงเป้ารายได้พื้นที่เช่าเติบโตราว 10% เทียบจากปีก่อน เนื่องจากปัจจุบันมี ห้าง Life-Style Shopping Mall ถึง 21 ห้าง จากห้างทั้งหมด 48 ห้าง โดยมีพื้นที่เช่าถึง  4.18 แสนตรม. ในสิ้นงวดไตรมาส 3/61 และอัตราการเช่าพื้นที่สูงถึง 99%

สำหรับงวดไตรมาส 4/61 เปิดเพิ่ม 1 สาขา และรับผลบวกช่วงพีคของฤดูกาล  ในช่วงเดือนธ.ค. ของทุกปีจะมียอดขายสูงกว่าเดือนปกติราว 50% บวกกับคาดจะได้รับผลบวกจากมาตรการกระตุ้นใช้จ่ายภาครัฐ และต้นเดือนจะเปิดห้าง Life Style อีก 1 แห่งที่ชัยภูมิ โดยจะช่วยเพิ่มพื้นที่เช่าอีกกว่า 2 หมื่นตรม. จึงเชื่อว่าจะช่วยให้งวดไตรมาส 4/61 มีรายได้และกำไรมากสุด และจะหนุนช่วยให้กำไรปี 2561 เติบโต 10%

ขณะเดียวกันยังรุกตลาดออนไลน์ OMNI Channel และเริ่มเปิดห้างขนาดเล็กขยายฐานรายได้ในระยะยาว ต้นปี 2562 เตรียมเพิ่มโมเดลใหม่ ห้างโรบินสันขนาดเล็ก ใน Tops Plaza จังหวัดพะเยา ด้วยพื้นที่ขายจำกัดจึงจะเลือกขายเฉพาะสินค้าแบรนด์ดังและสินค้า Private Brand เท่านั้น แต่คาดจะช่วยต่อยอดขายธุรกิจออนไลน์ แบบ OMNI Channel ที่ลูกค้าสามารถสั่งซื้อ หรือรับสินค้าออนไลน์ผ่านห้างดังกล่าว

โดยจะได้สินค้าภายใน 2-3 วัน ซึ่งกลยุทธ์ดังกล่าวได้เริ่มปรับใช้กับห้างทุกแห่งแล้ว ทำให้ยอดขายผ่านออนไลน์เติบโตแบบก้าวกระโดด และเพื่อใช้แข่งกันกับตลาดบริการออนไลน์โดยตรงที่มีแนวโน้มเติบโตสูงขึ้นในอนาคต

นอกจากนี้ในปี 2562 คาดสัดส่วนสินค้า Private Brand จะเพิ่มขึ้นเป็น 12% ได้ตามเป้า หลังได้ลดพื้นที่ขายสินค้า Just Buy แล้วในปี 2561 ทำให้อัตรากำไรขั้นต้นในปี 2562 มีแนวโน้มขยับสูงขึ้น จึงคาดจะหนุนกำไรปี 2562 เติบโต 11.7%

 

Back to top button