CKP ลบ 3.40% คาดนักลงทุนเทขายช่วงสั้น-รอความชัดเจนแผน PDP ฉบับใหม่

CKP ลบ 3.40% คาดนักลงทุนเทขายช่วงสั้น-รอความชัดเจนแผน PDP ฉบับใหม่ โดย ณ เวลา 11.31 น. อยู่ที่ระดับ 4.54 บาท ลบ 0.16 บาท หรือ 3.40% ด้วยมูลค่าซื้อขาย 439.30 ล้านบาท


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บริษัท ซีเค พาวเวอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ CKP ณ เวลา 11.31 น. อยู่ที่ระดับ 4.54 บาท ลบ 0.16 บาท หรือ 3.40% ด้วยมูลค่าซื้อขาย 439.30 ล้านบาท ราคาหุ้นร่วง 2 วันติดโดยวานนี้(16ม.ค.)ราคาหุ้นปรับตัวที่ระดับ 4.70 บาท ลบ 0.28 บาท หรือลดลง 5.62% อย่างไรก็ตามคาดว่านักลงทุนเทขายช่วงสั้นและรอความชัดเจนแผน PDP ฉบับใหม่จะเข้าที่ประชุม กพช. วันที่ 24 ม.ค. 2562 นี้ ก่อนจะเสนอเข้าที่ประชุม ครม. ต่อไป

บล.เอเซีย พลัส ระบุว่า กระทรวงพลังงานเตรียมเสนอแผน PDP 2019 เข้าที่ประชุม กพช. วันที่ 24 ม.ค. 2562 นี้ ก่อนจะเสนอเข้าที่ประชุม ครม. ต่อไป เบื้องต้นในปี 2562-63 จะเปิดประมูลโรงไฟฟ้า lPP ประมาณ 8 พันเมกะวัตต์ รวมถึงนำร่องรับซื้อไฟฟ้าจากโซลาร์ภาคประชาชนราว 100 เมกะวัตต์ ในปี 2562 นี้

ประเด็นดังกล่าวถือเป็น sentiment เชิงบวกต่อผู้ประกอบการกลุ่มโรงไฟฟ้าในภาพรวมทั้งผู้ประกอบการที่ดำเนินการผลิตอยู่แล้วในปัจจุบัน อาทิ EGCO, RATCH, GLOW, GULF, BPP, CKP, BGRlM, GPSC รวมไปถึงผู้ประกอบการรายใหม่ๆที่กำลังสนใจเข้าสู่ตลาด

โดยหากภาครัฐมีการเปิดประมูลโรงไฟฟ้า lPP ในปี 2562-63 เพื่อจะผลิตเชิงพาณิชย์ในปี 2568-73 ขึ้นจริง จะส่งผลให้ภาพอุตสาหกรรมโรงไฟฟ้ากลับมาคึกคักและน่าสนใจอีกครั้ง หลังจากที่ไม่มีการประมูลโรงไฟฟ้า lPP นับตั้งแต่ปี 2555 รอบล่าสุด ซึ่งเป็นการประมูลโรงไฟฟ้ lPP รอบที่ 3

เช่นเดียวกันกับกลุ่มผู้ประกอบการโรงไฟฟ้าพลังงานทดแทนทุกรายซึ่งหลักๆ ได้แก่ EA, BCPG, GUNKUL, TPlPP เป็นต้น ซึ่งถึงแม้ในปี 2562 ภาครัฐจะเปิดรับซื้อไฟฟ้าจากโครงการโซลาร์ภาคประชาชนนำร่องเพียง 100 เมกะวัตต์ แต่จากกำลังการผลิตทั้งหมดตามแผนที่จะรับซื้อสูงถึง 1 หมื่นเมกะวัตต์ โดยฝ่ายวิจัยคาดว่าจะทยอยเกิดขึ้นอย่างค่อยเป็นค่อยไป จึงถือเป็นความชัดเจนที่มากขึ้นและส่งผลบวกต่อกลุ่มพลังงานทดแทน หลังจากที่ไม่มีการประมูลรับซื้อไฟฟ้าจากพลังงานทดแทนในช่วงปีที่ผ่านมา

 

บล.โนมูระ พัฒนสิน มีมุมมอง Slightly negative ต่อข่าวการเลื่อนประชุม กพช. ออกไปราว 1 เดือน จากคาดอาจทำให้ตลาดบางส่วนที่คาดหวังกับความชัดเจนของแผน PDP และการต่ออายุ SPP ผิดหวัง ซึ่งคาด GULF, EGCO, RATCH และ BGRIM ที่ราคาปรับขึ้นตั้งแต่ต้นปีอาจเป็นผู้ได้รับแรงกดดันจากประเด็นดังกล่าวในระยะสั้น

อย่างไรก็ตามหากราคาหุ้น GULF และ BGRIM ปรับตัวลงแรงจากตลาดกังวลมาก มองเป็นโอกาสในการสะสมจากแนวโน้มการเติบโตของทั้ง 2 บริษัทยังคงแข็งแกร่ง และยังไม่ได้รวม upside จากการเปิดประมูลโรงไฟฟ้า IPP และการต่ออายุ SPP ไว้ในประมาณการ

ทั้งนี้อยู่ระหว่าง reinitiate กลุ่มโรงไฟฟ้า โดยมอง BGRIM เด่นในปี 2019F ส่วน GULF สามารถ let profit run ได้จากการเติบโตเด่นสุดในกลุ่มในระยะยาว

Back to top button