SYNEX ตั้งเป้าสู่ผู้กระจายสินค้าในไทย ปักธงรายได้ปี62 โต 15% รับยอดขายโน้ตบุ๊ค-มือถือหนุน

SYNEX ตั้งเป้าสู่ผู้กระจายสินค้าในไทย ปักธงรายได้ปี 62 โต 15% รับยอดขายโน้ตบุ๊ค-มือถือหนุน


นางสาวสุธิดา มงคลสุธี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ซินเน็ค (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ SYNEX เปิดเผยว่า บริษัทตั้งเป้ารายได้ปี 62 เติบโต 10-15% จากปีก่อนที่คาดรายได้จะเติบโตมากกว่าเป้าหมายที่วางไว้ที่ 3.75 หมื่นล้านบาท โดยจะมีสัดส่วนรายได้มาจากสินค้ากลุ่มโน้ตบุ๊ค และสมาร์ทโฟนแบรนด์ชั้นนำประมาณ 50%, กลุ่มคอนซูมเมอร์ โปรดักส์ (Consumer Product) ประมาณ 30% และส่วนที่เหลือมาจากกลุ่มคอมเมอร์เชียล โปรดักส์ (Commercial Product) ประมาณ 20%

โดยปีนี้บริษัทมีแผนเพิ่มแบรนด์สินค้าเพื่อจำหน่ายอย่างน้อยอีก 4-5 แบรนด์ โดยเฉพาะในกลุ่มกล้องวงจรปิด หรือระบบรักษาความปลอดภัย เป็นต้น จากปัจจุบันที่มีแบรนด์สินค้าเพื่อจำหน่ายอยู่ทั้งสิ้น 60 แบรนด์ เพื่อเป็นการสร้างการเติบโต ซึ่งปีนี้ตั้งเป้าเป็น IT Distributor ในประเทศไทย โดยเชื่อมั่นว่าจะสามารถเติบโตมากกว่าตลาดไอที ที่คาดว่าจะเติบโตได้ 5-7% เนื่องจากมีสินค้าที่มีความหลากหลาย

นอกจากนี้บริษัทยังอยู่ระหว่างเจรจากับพันธมิตรทั้งในธุรกิจไอที และธุรกิจนอกไอที ที่มีความเกี่ยวข้องกัน จำนวน 2 ราย เพื่อต่อยอดธุรกิจเดิมที่มีอยู่ เบื้องต้นจะเป็นลักษณะของการเข้าไปร่วมลงทุน (JV) แต่อย่างไรก็ตามยังไม่สามารถระบุได้ว่าจะมีความชัดเจนในปีนี้ได้หรือไม่ ซึ่งหากมีการลงทุนเกิดขึ้น บริษัทก็มีความสามารถในการลงทุนดังกล่าว เนื่องจากปัจจุบันมีหนี้สินต่อทุน (D/E) อยู่ที่ 2.7 เท่า ซึ่งยังมีความสามารถในการกู้ยืมจากสถาบันทางการเงินได้อีกมาก

ส่วนการลงทุนในปีนี้ บริษัทจะลงทุนในด้านโอเปอเรชั่นตามปกติ ขณะที่ปัจจัยค่าเงินบาทที่ปรับตัวแข็งค่าขึ้น มองว่าจะส่งผลดีต่อบริษัทอย่างมีนัยสำคัญ เนื่องจากบริษัทมีการนำเข้าสินค้าเป็นส่วนใหญ่ พร้อมกันนี้ยังอยู่ระหว่างศึกษาการออกไปนำเสนอข้อมูลบริษัท (โรดโชว์) แก่นักลงทุนในต่างประเทศ โดยมีความสนใจไปในประเทศสิงคโปร์ และมาเลเซีย หวังดึงดูดนักลงทุนเข้ามาลงทุนเพิ่ม จากปัจจุบันที่มีสัดส่วนนักลงทุนต่างชาติถือหุ้นอยู่ที่ 10% (ไม่นับรวมผู้ถือหุ้นใหญ่)

สำหรับความคืบหน้าในการนำบริษัท บัฟ (ประเทศไทย) จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทย่อยซึ่งทำธุรกิจให้เช่าซื้อรถจักรยานยนต์ เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ (mai) ยังคงเป็นไปตามเป้าหมายเดิมอยู่ โดยคาดว่าจะยื่นไฟลิ่งต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ได้ในปี 62 และจะนำเข้าจดทะเบียนได้ในปี 63 อย่างไรก็ตามปัจจุบัน บัฟฯ ถือว่ามีอัตราการเติบโตทั้งรายได้และกำไรอยู่ในระดับที่ดีมาก

นางสาวสุธิดา กล่าวว่า ด้านผลประกอบการในไตรมาส 4/61 คาดว่าจะเติบโตเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และไตรมาสก่อนหน้า จากเป็นช่วงของไฮซีซั่นของธุรกิจ ที่จะมีโทรศัพท์มือถือรุ่นใหม่ ๆ ออกมา และอัตรากำไรขั้นต้นปรับตัวดีขึ้น จากค่าใช้จ่ายลดลงและสามารถขายสินค้ากับคู่ค้าได้มากขึ้น

Back to top button