MBK บวก 4% นิวไฮรอบ 6 เดือน โบรกฯคาดกำไรโตต่อเนื่อง ชูหุ้นเด่นกลุ่มอสังหาฯเชิงพาณิชย์

MBK บวก 4% นิวไฮรอบ 6 เดือน โบรกฯคาดกำไรโตต่อเนื่อง ชูหุ้นเด่นกลุ่มอสังหาฯเชิงพาณิชย์ โดย ณ เวลา 15.39 น. ราคาอยู่ที่ 22.20 บาท บวก 0.80 บาท หรือ 3.74% สูงสุดที่ 22.40 บาท ต่ำสุดที่ 21.40 บาท ด้วยมูลค่าซื้อขาย 147.72 ล้านบาท


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ราคาหุ้น บริษัท เอ็ม บี เค จำกัด (มหาชน) หรือ MBK ล่าสุด ณ เวลา 15.39 น. อยู่ที่ 22.20 บาท บวก 0.80 บาท หรือ 3.74% สูงสุดที่ 22.40 บาท ต่ำสุดที่ 21.40 บาท ด้วยมูลค่าซื้อขาย 147.72 ล้านบาท

ทั้งนี้ ราคาหุ้นปรับตัวเพิ่มขึ้นทำจุดสูงสุดในรอบ 6 เดือน นับตั้งแต่ราคาหุ้นอยู่ที่ระดับ 22.60 บาท เมื่อวันที่ 12 ธ.ค. 2561

ด้าน บล.เคจีไอ ระบุในบทวิเคราะห์ แนะนำ “Outperform” MBK ราคาเป้าหมาย 30 บาท/หุ้น โดยปรับเพิ่มประมาณการกำไรปี 2562-64 ขึ้นอีก 0.5%-3.9% เพื่อสะท้อนถึงผลการดำเนินงานที่ดีเกินคาดของ บริษัท สยามพิวรรธน์ จำกัด (SPW) ซึ่งคาดว่ากำไรจากธุรกิจหลักของ MBK จะเติบโตอย่างน่าประทับใจจากช่วงเดียวกันเมื่อปีก่อน ในไตรมาสที่เหลือของปีนี้ จากการโอนสองโครงการคอนโดหรู  และค่าใช้จ่ายด้านการตลาดของ ICS ลดลง

อีกทั้งยังขยับไปใช้ราคาเป้าหมายกลางปี 2563 จากเดิมที่ปลายปี 2562 ซึ่งทำให้ได้ราคาเป้าหมายใหม่ที่คำนวณโดยวิธี SoTP ที่ 30.00 บาท ทั้งนี้ ราคาปิดล่าสุดคิดเป็น PER ปี 2562F ที่น่าสนใจที่ 10.4x และสะท้อนผลตอบแทนเงินปันผลที่น่าสนใจที่ 3.9% เรายังคงแนะนำซื้อ MBK

 

โดยอุปทานพื้นที่ค้าปลีกรวมเพิ่มขึ้นประมาณ 1.0% จากไตรมาสก่อน เป็น 8.6 ล้าน ตรม. ในไตรมาส 1/62 ซึ่งเราเชื่อว่าน่าจะมาจากการเริ่มเปิดดำเนินการโครงการ mixed-use อย่างเช่น 101 The Third Place และ The Market by Platinum แต่ในอีกด้านหนึ่งอัตราการเช่าพื้นที่เฉลี่ยทั้งกรุงเทพยังคงใกล้เต็ม 100% ซึ่งหมายความว่าอุปสงค์พื้นที่ค้าปลีกยังแข็งแกร่งอยู่ บริษัท  Colliers International (CI) คาดว่าอุปทานพื้นที่ค้าปลีกทจะเพิ่มขึ้น 1.56 แสนตรม. ในปี 2562 และ 2.84 แสนตรม. ในปี 2563 และเนื่องจากชุมชนเมืองกำลังขยายตัว และมีการนำหลักการ omni-channel มาใช้มากขึ้น เราจึงมองว่าอุปสงค์พื้นที่ค้าปลีกน่าจะยังแข็งแกร่งในระยะสั้นถึงกลาง

ทั้งนี้ คาดว่ากำไรจากธุรกิจหลักของ MBK จะเติบโตอย่างน่าประทับใจจากช่วงเดียวกันเมื่อปีก่อน ในไตรมาสที่เหลือของปีนี้ จากการโอนสองโครงการคอนโดหรู (ซึ่งเราคาดว่าส่วนแบ่งกำไรจากโครงการที่อยู่อาศัยในปีนี้จะอยู่ที่ 232 ล้านบาท) และค่าใช้จ่ายด้านการตลาดของไอคอนสยาม (ICS) ลดลง สำหรับการปรับโครงสร้างธุรกิจของบริษัท หลังจากที่ขายหุ้น Dusit Thani PCL (DTC.BK/DTC TB) และ Royal Orchid Hotel (Thailand) PCL (ROH.BK/ROH TB) ออกไปด้วยมูลค่ารวม 1.2 พันล้านบาท ในปี 2561 แล้ว เราประเมินว่า MBK จะมีกำไรหลังหักภาษี 255 ล้านบาทในไตรมาส 3/62 จากการขายหุ้น Dusit Maldives Investment Company Limited (DMS2)

อย่างไรก็ดี หลังจากที่กำไรจากธุรกิจหลักในไตรมาส 1/62  ออกมาดีกว่าประมาณการของเรา 27.7% เราจึงปรับเพิ่มประมาณการกำไรปี 2562-64 ขึ้นอีก 0.5%-3.9% เพื่อสะท้อนถึงผลการดำเนินงานที่ดีเกินคาดของบริษัท สยามพิวรรธน์ จำกัด (SPW) อย่างไรก็ตาม เรายังคงมุมมองแบบระมัดระวังว่ายอดโอนโครงการคอนโดหรูในปีนี้จะต่ำกว่าที่เราคาดไว้ก่อนหน้านี้

 

โดยนอกจากจะปรับประมาณการกำไรแล้ว ยังขยับไปใช้ราคาเป้าหมายกลางปี 2563 จากเดิมที่ปลายปี 2562 ซึ่งทำให้ได้ราคาเป้าหมายใหม่ที่คำนวณโดยวิธี SoTP ที่ 30.00 บาท ทั้งนี้ ราคาปิดล่าสุดคิดเป็น PER ปี 2562F ที่น่าสนใจที่ 10.4x เมื่อเทียบกับแนวโน้มอัตราการเติบโตของกำไรปี 2561-64F ที่ 17.6% CAGR และอัตราผลตอบแทนเงินปันผลที่น่าสนใจที่ 3.9% เลือก MBK เป็นหุ้นเด่นของบล.เคจีไอในกลุ่มอสังหาริมทรัพย์เชิงพาณิชย์

Back to top button