บอร์ด 7UP เคาะลดทุน-พาร์ ล้างขาดทุนสะสม พร้อมทุ่ม 30 ลบ. ลงทุน 2 โรงไฟฟ้า

บอร์ด 7UP เคาะลดทุน-พาร์ ล้างขาดทุนสะสม พร้อมทุ่ม 30 ลบ. ลงทุน 2 โรงไฟฟ้าระบบไฮบริด คาดสร้างรายได้-กำไรในระยะยาว


นายสิทธิชัย กฤชวิวรรธน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เซเว่น ยูทิลิตี้ส์ แอนด์ พาวเวอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ 7UP เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทเมื่อวันที่ 28 พฤษภาคม 2563 มีมติให้ลดทุนจดทะเบียนของบริษัทจำนวน 2,142 ล้านบาท จากทุนจดทะเบียนเดิม 4,285 ล้านบาท เป็น ทุนจดทะเบียนใหม่ 2,142 ล้านบาท และลดทุนชำระแล้วของบริษัทจำนวน 1,514 ล้านบาท  จาก ทุนชำระเดิม 3,029 ล้านบาท เป็นทุนชำระใหม่จำนวน 1,514 ล้านบาท ด้วยการลดมูลค่าที่ตราไว้ของหุ้น(พาร์) จากหุ้นละ 1 บาท เหลือ 0.50 บาท

โดยผลของการลดทุน เพื่อนำไปล้างขาดทุนสะสมบางส่วน ทำให้บริษัทฯมีผลขาดทุนสะสมคงเหลือจำนวน 55.87 ล้านบาท และมีโอกาสในการจ่ายเงินปันผลให้กับผู้ถือหุ้นเมื่อมีกำไรสุทธิและกระแสเงินสดมากเพียงพอ ซึ่งตามนโยบายจ่ายเงินปันผลของบริษัทฯ กำหนดจ่ายที่อัตราไม่ต่ำกว่า 50% ของกำไรสุทธิ

“นับตั้งแต่กรรมการและทีมบริหารชุดปัจจุบันเข้ามาบริหารได้พยายามและทุ่มเทจนทำให้ผลประกอบการในงวดปี 2562 พลิกมีผลกำไรเป็นครั้งแรกในรอบ 5 ปี และพยายามบริหารกิจการด้วยความระมัดระวัง และในไตรมาส 1 ของปี 2563 ยังคงรักษาความสามารถในการทำกำไร ท่ามกลางวิกฤติการณ์แพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ซึ่งส่งผลกระทบต่อธุรกิจของบริษัทฯ บางส่วน แต่บริษัทฯสามารถบริหารจัดการ จนสร้างผลประกอบการที่ดี และเชื่อว่าผลประกอบการ 3 ไตรมาสที่เหลือ จะสามารถรักษาความสามารถในการเติบโตและการทำกำไรได้ดีอย่างต่อเนื่อง”นายสิทธิชัย กล่าว

อย่างไรก็ตาม บริษัทฯจะต้องนำเสนอเรื่องการลดทุน ลดพาร์ ให้ที่ประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นพิจารณา โดยกำหนดให้จัดขึ้นในวันที่ 15 กรกฎาคม 2563 กำหนดรายชื่อผู้มีสิทธิเข้าร่วมประชุม (Record date) ในวันที่ 15 มิถุนายน 2563 และวันที่ไม่ได้รับสิทธิเข้าร่วมประชุมวันที่ 12 มิถุนายน 2563

พร้อมกันนี้ ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ ได้อนุมัติให้บริษัท เอ็นเนอร์ยี่ ฟอร์ โซไซตี้ จำกัด (EPS) ซึ่งเป็นบริษัทย่อย เข้าซื้อหุ้นในบริษัท พี พี แอล พาวเวอร์ จำกัด (PPL) ในสัดส่วน 80% ของทุนจดทะเบียน หรือ 120,000 หุ้น มูลค่า 13.2 ล้านบาท  และบริษัท ไบโอเอ็นเนอร์ยี่ สตูล จำกัด (BES) ในสัดส่วน 80% จำนวน 208,000 หุ้น คิดเป็นมูลค่า 16.8 ล้านบาท โดยซื้อจากนายสุชาติ ตังละแม คิดเป็นมูลค่ารวม 30 ล้านบาท สำหรับแหล่งเงินลงทุนจะมาจากเงินทุนหมุนเวียนของบริษัทฯ

สำหรับการลงทุนดังกล่าวเป็นไปตามแผนธุรกิจของบริษัท ที่จะเข้าลงทุนโรงไฟฟ้าระบบไฮบริด เพราะทั้ง 2 บริษัท ดำเนินกิจการผลิตและจำหน่ายไฟฟ้าจากก๊าซชีวภาพในภาคใต้ ซึ่งจะสร้างรายได้และผลกำไรให้กับบริษัทฯในระยะยาว เนื่องจากโครงการโรงไฟฟ้า PPL คาดว่าจะสร้างผลตอบแทนจากการลงทุน 26.48% และ โรงไฟฟ้า BES จะสร้างผลตอบแทนลงทุน 16.56%

Back to top button