โบรกฯเชียร์ “ซื้อ” BCPG ลุ้นไตรมาส 2 ฟื้น รับโรงไฟฟ้าลาวหนุน

โบรกฯเชียร์ "ซื้อ" BCPG ลุ้นไตรมาส 2 ฟื้น รับโรงไฟฟ้าลาวหนุน


“ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์” ทำการรวบรวมบทวิเคราะห์หุ้น บริษัท บีซีพีจี จำกัด (มหาชน) หรือ BCPG หลังนักวิเคราะห์ แนะนำ “ซื้อ” โดยมองว่า กำไรปกติฟื้นตัวตั้งแต่ไตรมาส 2/63 หลังมีการรับรู้กำลังการผลิตไฟฟ้าเพิ่มขึ้น จากเป็นช่วง High Season ในการผลิตไฟฟ้า ประกอบกับจะรับรู้การผลิตโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานน้ำ Nam San ในลาวได้เต็มที่ รวมถึงโครงการดังกล่าวยังมีปริมาณน้ำเข้ามาเพิ่มขึ้นจากไตรมาสก่อนด้วยซึ่งช่วยหนุนการผลิตได้เพิ่มขึ้นด้วย อีกทั้งหุ้นโรงไฟฟ้ายังได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ค่อนข้างจำกัด

ขณะเดียวกันบริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ BCP ได้ปรับลดงบลงทุนของทั้งกลุ่มลง แต่ยังคงงบลงทุนสำหรับ BCPG ไว้เหมือนเดิมที่ 4.5 หมื่นล้านบาท ในช่วง 5 ปีข้างหน้า สะท้อนถึงมุมมองที่มั่นใจต่ออนาคตที่สดใสของธุรกิจพลังงานทดแทน โดยการขยายตัวผ่าน M&A ยังคงเป็นไปตามแผน ซึ่งทิศทางตลาดการเงินโดยเฉพาะอัตราดอกเบี้ยที่ต่ำยังคงเอื้อสำหรับการลงทุนใหม่ๆ

โดย นักวิเคราะห์ บล.แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ ระบุในบทวิเคราะห์ว่า ผลกระทบจากสถานการณ์โควิด-19 ค่อนข้างจำกัด จากการประชุมนักวิเคราะห์ BCPG ได้อัพเดทว่ามีผลกระทบใน 3 ประเทศในมุมของรายได้ค่าไฟฟ้าที่หายไปเล็กน้อยราว 6 ล้านบาท จาก Curtailment ที่ญี่ปุ่น เนื่องจากความต้องการใช้ไฟฟ้าต่ำลง สำหรับผลกระทบในมุมอื่น ๆ จะเป็นเรื่องการพัฒนาโครงการใหม่เป็นหลักโดยเฉพาะด้านการก่อสร้างที่ลาวและญี่ปุ่น และมีข้อจำกัดเรื่องการเดินทางสำหรับการเจรจาต่อรองโครงการใหม่ ๆ อยู่บ้าง อย่างไรก็ดีก็มีมุมบวกสำหรับปีนี้ ด้วยที่ได้เลื่อนหยุดซ่อมบำรุงโครงการ Geothermal ที่อินโดนีเซียออกไป ทำให้จะผลิตไฟฟ้าได้มากขึ้นสำหรับปีนี้

อย่างไรก็ตามแม้จะมีสถานการณ์โควิด-19 ทำให้ BCP ซึ่งเป็นบริษัทแม่ได้ปรับลดงบลงทุนของทั้งกลุ่มลง แต่ยังคงงบลงทุนสำหรับ BCPG ไว้เหมือนเดิมที่ 4.5 หมื่นล้านบาท ใน 5 ปีข้างหน้า สะท้อนถึงมุมมองที่มั่นใจต่ออนาคตที่สดใสของธุรกิจพลังงานทดแทน อย่างไรก็ตามด้วยความล่าช้าจากการเจรจาโครงการใหม่ ๆ ทำให้แผนการใช้เงินจริงส่วนใหญ่ได้ถูกเลื่อนเป็นปีหน้า

นอกจากนี้โครงการโรงไฟฟ้าพลังงานน้ำที่ลาวเริ่มผลิตไฟฟ้าได้เพิ่มขึ้น BCPG ดูไม่ได้กังวลต่อ Capacity factor (CF) ของโครงการพลังงานน้ำที่ลาวที่ต่ำเพียง 18.2% ในไตรมาส 1/63 โดยส่วนหนึ่งเกิดจากการปิดซ่อมบำรุง และอีกส่วนหนึ่งเกิดจากปรากฏการณ์ทางธรรมชาติ El Nino ทำให้ปริมาณน้ำน้อยกว่าปกติ

อย่างไรก็ตามตามเหตุการณ์ในอดีตปริมาณน้ำบางปีก็สูงเกินกว่าระดับปกติได้ (La Nina) ซึ่งจะทำให้ CF สูงขึ้นมากในปีนั้น ทั้งนี้ปริมาณน้ำในเดือนเม.ย.-พ.ค. เริ่มปรับสูงขึ้นอย่างเห็นได้ชัดจากไตรมาส 1/63 และเริ่มสูงกว่าปีก่อนแล้ว ทำให้มองว่าจะเป็นปัจจัยหนุนต่อทิศทางกำไรในช่วงที่เหลือของปีนี้

ทั้งนี้ ยังคงคำคำแนะนำ “ซื้อ” สำหรับ BCPG ด้วยราคาเป้าหมายเดิม 18.30 บาท/หุ้น โดยมองว่าแนวโน้มกำไรของ BCPG จะดีขึ้นในไตรมาสถัด ๆ ไป ตามการผลิตไฟฟ้าที่มากขึ้นของโครงการพลังงานน้ำ ที่ลาวเป็นปัจจัยหนุนสำคัญ ขณะเดียวกันการขยายตัวผ่าน M&A ยังคงเป็นไปตามแผน ซึ่งทิศทางตลาดการเงินโดยเฉพาะอัตราดอกเบี้ยตลาดที่ต่ำยังคงเอื้อสำหรับการลงทุนใหม่ๆ

ส่วน นักวิเคราะห์ บล.เอเชีย เวลท์ ระบุในบทวิเคราะห์ แนะนำ “ซื้อ” หุ้น BCPG ประเมินราคาเป้าหมายที่ 20 บาท/หุ้น โดยกำไรปกติจากการดำเนินงานของ BCPG มีแนวโน้มกลับมาดีขึ้นได้ในไตรมาส 2/63 จากภาพรวมของกำลังการผลิตที่เพิ่มขึ้น เนื่องจากเป็นช่วง High Season ของการผลิตไฟฟ้า โดยเฉพาะจากโครงการโรงไฟฟ้าพลังน้ำในประเทศลาว ซึ่งในไตรมาสนี้ BCPG จะรับรู้ผลประกอบการของโครงการ Nam San 3A และ 3B เข้ามาเต็มไตรมาสเป็นครั้งแรก  อย่างไรก็ดี ยังต้องติดตามผลกระทบจากอัตราแลกเปลี่ยนที่จะมีผลกระทบต่อกำไรสุทธิมากน้อยแค่ไหนด้วย

ขณะเดียวกันประเมินกำไรปกติทั้งปี 63 ที่ระดับ 2 พันล้านบาท หรือเติบโต 17.5% จากปีก่อน มาจากการเพิ่มกำลังผลิต โดยโครงการสำคัญที่เป็นปัจจัยขับเคลื่อนผลประกอบการปีนี้ มาจากโครงการ Nam San 3B ที่เริ่มผลิต มี.ค. 63 และโครงการ Nam San 3A ที่เริ่มมาตั้งแต่ ก.ย. 62 จะรับรู้รายได้เต็มปี ทำให้ทั้งโครงการมีกำลังผลิตไฟฟ้ารวม 114 เมกะวัตต์ (MW) ซึ่งจะทำให้กำลังผลิตไฟฟ้าในปี 63 เพิ่มขึ้น 11% ตามสัดส่วนการผลิต

อย่างไรก็ตามหุ้นโรงไฟฟ้าค่อนข้างได้รับผลกระทบจำกัดต่อเรื่องการแพร่ระบาดโควิด-19 อาจจะมีกระทบบ้างกับกลุ่มที่ขายไฟให้นิคมอุตสาหกรรม แต่ปัจจุบันอุตสาหกรรมต่าง ๆ กลับมาดำเนินการได้ตามปกติ และได้ผ่าน Bottom ไปแล้ว ในสถานการณ์แบบนี้ยังมองว่ากลุ่มโรงไฟฟ้าน่าสนใจ

ด้าน นักวิเคราะห์ บล.เคจีไอ (ประเทศไทย) ระบุในบทวิเคราะห์ แนะนำ “ซื้อ” หุ้น BCPG ราคาเป้าพื้นฐาน 22 บาท/หุ้น ประเมินแนวโน้มผลการดำเนินงานครึ่งปีหลังปี 2563 จะดีกว่าครึ่งปีแรกปี 2563 เนื่องจากปัญหาภัยแล้งจะเริ่มบรรเทาลงหลังเข้าฤดูฝนกลางปีนี้ โดยปกติจะมีการจ่ายปันผลทุกไตรมาส เราคาดจะยังคงจ่ายปันผลในอัตราใกล้เคียงเดิมคือ 0.16 บาท/หุ้น สำหรับไตรมาส 1/63 และประเมินยังมีการลงทุนโรงไฟฟ้าในลาวอีกหลายแห่งที่รอประกาศ

Back to top button