ด่วน! “นายกฯ” เซ็นประกาศ “สถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรง ในพื้นที่กรุงเทพฯ”

ด่วน! "นายกฯ" เซ็นประกาศ "สถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรง ในพื้นที่กรุงเทพฯ" พร้อมตั้งคณะทำงาน


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลาประมาณ 04.00 น. ของวันที่ 15 ต.ค.63 พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ได้ออกประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน ที่มีความร้ายแรงในเขตท้องที่กรุงเทพมหานคร ความว่า

โดยที่ปรากฏว่ามีบุคคลหลายกลุ่มได้เชิญชวน ปลุกระดม และดำเนินการให้มีการชุมนุมสาธารณะ โดยไม่ชอบด้วยกฎหมายว่าด้วยการชุมนุมสาธารณะในกรุงเทพมหานคร โดยใช้วิธีการและช่องทางต่างๆ ก่อให้เกิดความปั่นป่วน วุ่นวาย และความไม่สงบเรียบร้อยของประชาชน มีการกระทำที่กระทบต่อขบวนเสด็จพระราชดำเนิน

มีเหตุอันควรเชื่อได้ว่ามีการกระทำที่มีความรุนแรง กระทบต่อความมั่นคงของรัฐ ความปลอดภัยในชีวิตหรือทรัพย์สินของรัฐ หรือบุคคล อันมิใช่การชุมนุมโดยสงบที่ได้รับการรับรองตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย

อีกทั้งยังกระทบโดยตรงต่อสัมฤทธิผลของมาตรการควบคุมการระบาดของโรคโควิด-19 อันส่งผลกระทบโดยตรงต่อความมั่นคงทางเศรษฐกิจของประเทศที่อยู่ในภาวะเปราะบาง

กรณีนี้จึงจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องมีมาตรการเร่งด่วนเพื่อแก้ไขกรณีดังกล่าวให้มีการยุติได้อย่างมีประสิทธิภาพ และทันท่วงที เพื่อให้มีการปฏิบัติตามฎหมาย และรักษาความสงบเรียบร้อยและประโยชน์ส่วนรวม อาศัยอำนาจตามความมาตรา 5 และ 11 แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน 2548 นายกนัฐมนตรี จึงให้ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรงในเขตท้องที่กรุงเทพมหานคร

ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ 15 ตุลาคม 2563 เวลา 04.00 น.เป็นต้นไป

ประกาศ ณ วันที่ 15 ตุลาคม 2563 ลงชื่อ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา

นอกจากนี้ ยังมีการออกคำสั่งนายกรัฐมนตรี ที่ 36/2563 เรื่อง แต่งตั้งผู้กำกับการปฏิบัติงาน หัวหน้าผู้รับผิดชอบ และพนักงานเจ้าหน้าที่ในการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรง โดยให้ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ เป็นผู้กำกับการปฏิบัติการ ให้ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) เป็นหัวหน้าผู้รับผิดชอบในการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรง ให้ข้าราชการทหาร ข้าราชการตำรวจ และข้าราชการพลเรือน ที่ได้รับมอบหมาย เป็นพนักงานเจ้าหน้าที่ตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉิน รวมทั้งให้กลุ่มคนดังกล่าวข้างต้นเป็นเจ้าพนักงานตามประมวลกฎหมายอาญา มีหน้าที่และอำนาจเช่นเดียวกับพนักงานฝ่ายปกครองหรือตำรวจตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป

Back to top button