GLOBAL วิ่งฉิว 8% ทุบสถิติ “ออลไทม์ไฮ” โบรกฯเชียร์ “ซื้อ” เป้า 20.70 บ. คาดผลงานปีนี้ฟื้น

GLOBAL วิ่งฉิว 8% ทุบสถิติ "ออลไทม์ไฮ" โบรกฯเชียร์ "ซื้อ" เป้า 20.70 บ. คาดผลงานปีนี้ฟื้น โดย ณ เวลา 15.03 น. ราคาอยู่ที่ระดับ 21.00 บาท บวก 1.50 บาท หรือ 7.69% สูงสุดที่ 21.20 บาท ต่ำสุด 19.60 บาท ด้วยมูลค่าซื้อขาย 774.84 ล้านบาท


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ราคาหุ้นบริษัท สยามโกลบอลเฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) หรือ GLOBAL ล่าสุด ณ เวลา 15.03 น. อยู่ที่ระดับ 21.00 บาท บวก 1.50 บาท หรือ 7.69% สูงสุดที่ 21.20 บาท ต่ำสุด 19.60 บาท ด้วยมูลค่าซื้อขาย 774.84 ล้านบาท

โดยราคาหุ้นปรับตัวเพิ่มขึ้นทำจุดสูงสุดนับตั้งแต่เข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) เมื่อวันที่ 19 ส.ค. 2552 มีราคา IPO อยู่ที่ 2.55 บาทต่อหุ้น

ด้าน บล.เคจีไอ ระบุในบทวิเคราะห์ (18 ม.ค.64) แนะนำ “ซื้อ” GLOBAL ราคาเป้าหมาย 20.70 บาท/หุ้น โดยรายได้ภาคเกษตรที่เพิ่มขึ้น บวกกับทำเลที่ตั้งสาขาของ GLOBAL จะช่วยหนุนผลประกอบการของบริษัทซึ่งกำลังเข้าสู่ช่วง high season ในไตรมาส 1/64

นอกจากนี้ การเดินหน้าขยายสาขา และฐานเปรียบเทียบที่ต่ำเพราะมีการปิดบริการสาขาชั่วคราวในไตรมส 2/63 ก็จะช่วยหนุนให้กำไรโตจากช่วงเดียวกันเมื่อปีก่อน ในช่วงไตรมาส 2/64-ไตรมาส 4/64 ทั้งนี้ เนื่องจากเราคาดว่ากำไรจะโตได้อย่างโดดเด่นถึง 29% (ในขณะที่หุ้นอื่นในกลุ่มโตแค่ 18% จากช่วงเดียวกันเมื่อปีก่อน) บวกกับราคาหุ้นยังมี upside ถึงราคาเป้าหมายของเราอีก 16% ดังนั้นเราจึงยังคงคำแนะนำซื้อ โดยให้ราคาเป้าหมายสิ้นปี 2564 ที่ 20.70 บาท อิงจาก PER ที่ 34.0x (ค่าเฉลี่ยของ GLOBAL และ Home Product Center (HMPRO.BK/HMPRO TB)* +0.5 S.D.)

โดยคาดว่ากำไรสุทธิของ GLOBAL ในไตรมาส 4/63 จะอยู่ที่ 489 ล้านบาท (ลดลง 18% จากช่วงเดียวกันเมื่อปีก่อน, เพิ่มขึ้น 7% จากไตรมาสก่อน) ทำให้กำไรสุทธิปี 2563 อยู่ที่ 2.1 พันล้านบาท (ลดลง 1% จากช่วงเดียวกันเมื่อปีก่อน) ใกล้เคียงกับประมาณการกำไรปีนี้ ทั้งนี้ คาดว่ากำไรจะลดลงจากช่วงเดียวกันเมื่อปีก่อน เนื่องจากผู้บริโภคจับจ่ายอย่างระมัดระวัง ทำให้บริษัทต้องออกแคมเปญการตลาดมาช่วยกระตุ้นยอดขาย

ดังนั้น จึงคาดว่า SSSG ในไตรมาส 4/63 จะติดลบอยู่ที่ 4% (จาก ลดลง 6% จากช่วงเดียวกันเมื่อปีก่อน ในไตรมาส 3/63 และ ลดลง 1% จากช่วงเดียวกันเมื่อปีก่อน ในไตรมาส 4/62) ทำให้ SSSG เฉลี่ยปี 2563 อยู่ที่ ลดลง 9% (เท่ากับสมมติฐานในปัจจุบัน) เราคาดว่าค่าใช้จ่ายการตลาดที่เพิ่มขึ้นจะบีบให้อัตรากำไรขั้นต้นของ GLOBAL ในไตรมาส 4/63 ลดลงเหลือ 22.6% (ลดลง 0.3ppts จากช่วงเดียวกันเมื่อปีก่อน และลดลง 0.1ppts จากไตรมาสก่อน) ซึ่งจะทำให้อัตรากำไรขั้นต้นในปี 2563 เพิ่มขึ้นเป็น 22.9% (ลดลง 2.3ppts จากช่วงเดียวกันเมื่อปีก่อน) สอดคล้องกับสมมติฐานในปัจจุบันของเรา นอกจากนี้ คาดว่า GLOBAL จะยังคงเดินหน้าเปิดสาขาใหม่อีกสามร้านในไตรมาส 4/63 ทำให้จำนวนสาขารวมเพิ่มขึ้นเป็น 71 ร้าน

ทั้งนี้ ยังคงมองว่าผลประกอบการของ GLOBAL จะฟื้นตัวขึ้นในปี 2564 เนื่องจาก 1.อุปสงค์มีแนวโน้มจะเพิ่มขึ้นตามรายได้ภาคเกษตรที่เพิ่มขึ้น (เพิ่มขึ้น 15% จากช่วงเดียวกันเมื่อปีก่อน ในเดือนพฤศจิกายน 2563) เพราะ 60% ของสาขาร้านตั้งอยู่ในพื้นที่การเกษตร (42% อยู่ในภาคอีสาน และ 21% อยู่ในภาคเหนือ) 2.ฐานที่ต่ำในไตรมาส 2/63 เพราะสาขาร้านต้องปิดบริการชั่วคราวไปเกือบ 50% ของจำนวนสาขาทั้งหมด และ 3.บริษัทยังเดินหน้าขยายสาขาต่อเนื่องในปี 2564 (ใช้สมมติฐานว่าจะมีการเปิดสาขาใหม่อีก 7 ร้านในปีนี้) เราคาดว่ากำไรของ GLOBAL จะโตจากช่วงเดียวกันเมื่อปีก่อน ในไตรมาส 1/64-ไตรมาส 4/64 และกำไรในปี 2564 จะโตถึง 29% จากช่วงเดียวกันเมื่อปีก่อน

อย่างไรก็ดี ยังคงราคาเป้าหมายสิ้นปี 2564 เอาไว้ที่ 20.70 บาท อิงจาก PER ที่ 34.0x (ค่าเฉลี่ยของ GLOBAL และ Home Product Center (HMPRO.BK/HMPRO TB)* +0.5 S.D.) ทั้งนี้ เนื่องบริษัทจะเข้าสู่ช่วง peak ตามฤดูกาลในไตรมาสแรก ซึ่งจะได้แรงหนุนจากรายได้ภาคเกษตรที่เพิ่มขึ้น จึงคาดว่ากำไรจะโตได้อย่างโดดเด่นถึง 29% (ในขณะที่หุ้นอื่นในกลุ่มโตแค่ 18% จากช่วงเดียวกันเมื่อปีก่อน) บวกกับราคาหุ้นยังมี upside ถึงราคาเป้าหมายของเราอีก 16% ดังนั้น จึงยังคงคำแนะนำซื้อ

Back to top button