“ฟินันเซียฯ” มอง SET ท้ายปียืน 1,550 จุด แนะสะสม 5 หุ้นเด็ด อัพไซด์สูงช่วงตลาดปรับฐาน

"ฟินันเซียฯ" มอง SET ท้ายปียืน 1,550 จุด แนะสะสม 5 หุ้นเด็ด อัพไซด์สูงช่วงตลาดปรับฐาน


บล.ฟินันเซีย ไซรัส ระบุในบทวิเคราะห์ โดยคาดการณ์ว่าบริษัทจดทะเบียน (บจ.) ที่กำลังจะเข้า SET50 รอบใหม่จะส่งผลให้ดัชนีมีความผันผวนสูง เนื่องจากการเข้ามาของหุ้นกลุ่มใหม่ใน SET50 จะนำไปสู่การปรับพอร์ตการลงทุนของกองทุนรวมดัชนี (Index Fund) อย่างรวดเร็ว ขณะที่เชื่อว่าหุ้นใหม่ที่เข้ามาจะทำให้การประเมินมูลค่าของหุ้นในกลุ่ม Large Cap ใน SET50 สูงขึ้น อย่างไรก็ตามหุ้นในกลุ่ม SET50 ที่มีฟรีโฟลท (Free Float) ต่ำจะส่งผลให้เกิดความผันผวน

ทั้งนี้ มองว่าดัชนีในปัจจุบันได้ปรับตัวขึ้นสูงเกินกว่าการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจของไทยไปแล้ว แต่หุ้นในกลุ่ม SET50 ยังคงปรับตัวขึ้นน้อยกว่าตลาด (Underperform) ซึ่งหุ้นที่จะเข้า SET50 ในอีก 6 เดือนข้างหน้าส่วนใหญ่จะเป็นบริษัทที่มีอัตราการเติบโตสูง อาทิ กลุ่มเทคโนโลยี กลุ่มบรรจุภัณฑ์ กลุ่มรถยนต์ไฟฟ้า (EV) กลุ่มค้าปลีกน้ำมัน และกลุ่มขนส่งพัสดุ ซึ่งคาดการณ์ว่าภายหลังหุ้นในกลุ่มดังกล่าวจะช่วยหนุนดัชนีให้ปรับตัวสูงขึ้นได้

โดยหุ้นขนาดใหญ่อย่าง BAM, COM7, KEX, SCGP, STGT และ OR ที่จะเข้า SET50 ด้วยเกณฑ์ Fast Track จะเป็นตัวเปลี่ยนการเคลื่อนไหวของตลาดหุ้นไทย และอาจมีผลต่อบรรดาหุ้นเดิมที่บันทึกบัญชีขาดทุนในช่วงปีที่ผ่านมา เพราะได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 อย่างไรก็ตามเชื่อว่าโควิด-19 จะส่งผลกระทบในระยะสั้นเท่านั้น และงบการเงินจะฟื้นตัวและกลับสู่สภาวะปกติอีกครั้งภายในปีนี้

สำหรับปัจจัยสำคัญที่จะส่งผลให้ SET50 ฟื้นตัวในปีนี้ ได้แก่

1. การเข้ามาของหุ้นที่เติบโตสูง ผนวกกับหุ้นเติบโตต่ำกำลังจะหลุดจากดัชนี ซึ่งจะช่วยดันดัชนีสูงขึ้นในปีนี้ ขณะที่มีบจ.ทั้งหมด 20 แห่งจากทั้งหมด 50 แห่ง ซึ่งคิดเป็น 40% ของหุ้นใน SET50 ธุรกิจอยู่ในทิศทางที่ดี

2. การเพิ่มน้ำหนักการลงทุนในหุ้นกลุ่มใหม่ที่เข้า SET50 ในกลุ่มที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยี กลุ่มอุปกรณ์ไอที กลุ่มบรรจุภัณฑ์ กลุ่มขนส่งพัสดุ และกลุ่มเครื่องดื่ม

3. กลุ่มหุ้นที่มีมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด (Market Capitalization) สูง และให้ผลตอบแทนสูงจะดึงดูดพวกกองทุนรวมดัชนี กองทุนเชิงรับ (Passive fund) และนักลงทุนต่างชาติ

โดยยังคงมองว่าหลังจากนี้ดัชนี SET จะปรับตัวลดลงจากแรงขายทำกำไร เพราะก่อนหน้านี้ดัชนีปรับตัวสูงขึ้นไปกว่า 25% และเข้าใกล้ 1,550 จุด แต่ดัชนีจะสามารถกลับมาสร้างฐานที่แข็งแกร่งขึ้น

ทั้งนี้ “แนะนำทยอยซื้อสะสมช่วงตลาดกำลังปรับฐาน” เนื่องจากหลังจากการปรับฐานหุ้นจะกลับมาแข็งแกร่งและมีแนวโน้มขยับตัวขึ้น ในระยะยาวยังคงมุมมอง Overweight คาดปลายปี 2564 ดัชนีจะสามารถขึ้นไปแตะระดับ 1,550 จุด ด้วย P/E 18.2 เท่า หรือค่าเบี่ยงมาตรฐาน (Standard Deviation) ใกล้เคียง +0.5SD ของค่าเฉลี่ย 10 ปี

โดยแนะนำ “ซื้อ” EA (ราคาเป้าหมาย 76 บาท), AH (ราคาเป้าหมาย 22 บาท), PTTGC (ราคาเป้าหมาย 86 บาท), ESSO (ราคาเป้าหมาย 14.30 บาท) และ MINT (ราคาเป้าหมาย 29 บาท)

Back to top button