AWC ปิดเช้าพุ่ง 7% ลุ้นแตะเป้า 5.80 บ. จ่อเทิร์นอะราวด์ Q3/64 รับท่องเที่ยวฟื้น!

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ราคาหุ้น  บริษัท แอสเสท เวิรด์ คอร์ป จำกัด (มหาชน) หรือ AWC ปิดตลาดภาคเช้าอยู่ที่ระดับ 5.35 บาท ปรับตัวขึ้น 0.35 บาท หรือ 7% สูงสุดที่ระดับ 5.50 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 5 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 863.76 ล้านบาท

ทั้งนี้ บริษัทหลักทรัพย์ บัวหลวง จำกัด ระบุในบทวิเคราะห์ โดยแนะซื้อนำ AWC ให้ราคาเป้าหมาย 5.80 บาท โดยตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค. 2564 บริษัทฯ ได้มีการเปลี่ยนแปลงนโยบายบัญชีของการวัดมูลค่าสินทรัพย์เพื่อการลงทุน (คือธุรกิจ commercial ได้แก่อาคารสำนักงานและค้าปลีก) จากวิธีราคาทุน (cost method) เป็นวิธีมูลค่ายุติธรรม (fair value) เพื่อสะท้อนมูลค่าที่แท้จริง

โดยบริษัทรายงานว่าผลของการเปลี่ยนแปลงดังกล่าว จะทำให้ประมาณการส่วนเพิ่มของส่วนทุน ณ สิ้นปี 2563 เพิ่มขึ้น 6.6พันล้านบาท ทำให้ส่วนทุนเพิ่มเป็น 77 พันล้านบาท นอกจากนี้ผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงวิธีการบัญชีดังกล่าวเป็นบวกต่อผลประกอบการในอนาคตดังนี้

-อัตราส่วนหนี้สินต่อทุนจะลดลงจาก 0.75 เท่า ณ สิ้นปี 2563 เป็น 0.70 เท่า ณ สิ้นไตรมาส 1/2564

-บริษัทจะมีการบันทึกค่าเสื่อมราคา (depreciation) ลดลงอย่างมีนัยสำคัญ ตามวิธี Fair value ของสินทรัพย์เพื่อการลงทุน (อาคารสำนักงานและค้าปลีก)

อีกทั้งอาจมี upside ของรายได้ที่เพิ่มขึ้นจากการตีราคาสินทรัพย์เพื่อการลงทุนเพิ่ม ซึ่งจะประเมินมูลค่าของปี 2564 ทำให้คาดว่าจะเกิดขึ้นได้ในครึ่งปีหลัง หรือช้าสุดคือไตรมาส 4/2564

“อย่างไรก็ตามจะนับรายการดังกล่าวเป็นรายการพิเศษ และไม่ส่งผลต่อการดำเนินงานหลัก แต่รายการนี้อาจเพียงทำให้ตอนประกาศงบดูดี และผลกระทบสุทธิต่องบกำไรขาดทุนคาดจะเป็นบวก (หลักๆ จากค่าเสื่อราคาที่ลดลง) ราว 600-800 ล้านบาท ต่อปี หรือ 150-200 ล้านบาทต่อไตรมาส โดยเริ่มในไตรมาส 1/2564”

ดังนั้นทำให้คำนวณได้ว่าด้วย speed การขาดทุนหลักที่ลดลงเทียบไตรมาสก่อนหน้ามาตลอดในไตรมาส 3/2563-ไตรมาส 4/2563  เทียบจากจุดต่ำสุดคือไตรมาส 2/2563  น่าจะทำให้ AWC มีลุ้นกำไรได้ในไตรมาส 3/2564

ดังนั้นนักลงทุนควรมีหุ้น AWC อย่างมีนัยระดับหนึ่ง เนื่องจากได้วิเคราะห์ว่ามีความเป็นไปได้สูงที่ AWC น่าจะสามารถTurnaround ผลประกอบการจากขาดทุนมาตลอดตั้งแต่มีการแพร่ระบาดของ COVID-19 สำหรับในไตรมาส 2/2563-ไตรมาส 1/2564 เป็น “breakeven หรือมีกำไร ได้ก่อนเป็นเบอร์ต้นๆ ในกลุ่มท่องเที่ยว จึงแนะนำซื้อ ราคาเป้าหมาย 5.80 บาท