SYNEX จับมือ “ลีฟคลีน เทคโนโลยี” ส่ง “ซีทัช” แผ่นฆ่าเชื้อตีตลาดช่วงวิกฤต “โควิด-19″

SYNEX จับมือ “ลีฟคลีน เทคโนโลยี” ส่ง “ซีทัช” แผ่นฆ่าเชื้อไวรัสและแบคทีเรียบริเวณจุดสัมผัสร่วม หวังช่วยคนไทยพ้นภัยโควิด-19


นางสาวสุธิดา มงคลสุธี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ซินเน็ค (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ SYNEX ผู้นำเข้าและจัดจำหน่ายสินค้าไอทีชั้นนำระดับโลกหลากหลายประเภท เปิดเผยว่า ตลาดกลุ่ม HealthCare Innovation มีศักยภาพในการเติบโตสูง และซินเน็คฯ ได้คัดสรรผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพที่มีนวัตกรรม และมีประสิทธิภาพสูงใหม่ๆ เข้ามาเสริมพอร์ตเพื่อตอบโจทย์ผู้บริโภคอย่างต่อเนื่อง

ล่าสุดได้จับมือกับ บริษัท ลีฟคลีน เทคโนโลยี จำกัด ผู้พัฒนาผลิตภัณฑ์ “ซีทัช (Z-Touch)” นวัตกรรมแผ่นป้องกันและกำจัดเชื้อไวรัสโควิด-19 ขยายฐานการตลาดร่วมกัน ด้วยจุดเด่นของผลิตภัณฑ์ที่มีการผสานนวัตกรรมการฆ่าเชื้อ และผ่านการรับรองมาตรฐานจากสถาบันชั้นนำของโลก สามารถฆ่าเชื้อ โควิด-19 ในจุดสัมผัสร่วมที่มีความเสี่ยงสูงได้ทันที หวังเร่งกระจายสินค้าไปสู่ผู้บริโภคได้อย่างรวดเร็ว ซึ่งจะช่วยสร้างความปลอดภัย และลดความรุนแรงของการแพร่ระบาดในครั้งนี้

โดยซินเน็คฯ จะใช้จุดเด่นจากช่องทางการจัดจำหน่ายที่แข็งแกร่ง โดยเฉพาะในตลาดคอนซูมเมอร์ (B2C) เข้ามาช่วยขยายฐานลูกค้า และการทำการตลาดสินค้าของซีทัช ผ่านตัวแทนจำหน่ายที่มีกว่า 6,000 ราย ทั้งร้านค้าไอที สมาร์ทโฟน และห้างสรรพสินค้า รวมถึงช่องทางอีคอมเมิร์ซ และศูนย์บริการสาขาของซินเน็คฯ เองอีกกว่า 10 แห่งทั่วประเทศ ที่พร้อมให้ผู้บริโภคหาซื้อสินค้า และรับบริการหลังการขายได้ง่าย และสะดวกรวดเร็วมากยิ่งขึ้น

นอกจากนี้ ซินเน็คฯ ยังมีแผนขยายการตลาดไปยังกลุ่มลูกค้าคอมเมอร์เชียล  (B2B) จัดจำหน่ายและติดตั้งให้กับองค์กร หรือหน่วยงานขนาดใหญ่ เช่น Office Building ที่ต้องใช้ในปริมาณจำนวนมาก เพื่อลดความเสี่ยงติดเชื้อ และการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ภายในองค์กรธุรกิจ หรืออาคารสำนักงานต่างๆ โดยมองว่าสินค้ามีความต้องการสูง สอดรับกับสถานการณ์ปัจจุบัน

ด้าน นายกิตินัทธ์ เอี่ยมเมตตา รองประธานกรรมการบริหาร บริษัท ลีฟคลีน เทคโนโลยี จำกัด กล่าวว่า “รู้สึกยินดีอย่างยิ่งในความร่วมมือกับ ซินเน็คฯ ในครั้งนี้ ซึ่ง ลีฟคลีน เทคโนโลยี เป็นบริษัทสตาร์ทอัพที่มีความเชี่ยวชาญด้านการผลิตนวัตกรรมเกี่ยวกับการฆ่าเชื้อไวรัสและแบคทีเรีย โดยเฉพาะเครื่องฆ่าเชื้อ ยูวีซี (ZEUS-UVC) และกล่องขนส่งอาหารปลอดเชื้อ (Zetailte Delivery Box)

โดยมีการส่งออกไปยังหลายประเทศ ล่าสุดได้มีการพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ ซีทัช แผ่นฆ่าเชื้อไวรัสและแบคทีเรีย บริเวณจุดสัมผัสร่วมขึ้น โดยมีจุดเด่นคือสามารถลดการส่งต่อและฆ่าเชื้อจากการสัมผัสร่วมได้มากกว่า 99.99% ซึ่งรวมถึงเชื้อ Human Corona virus อีกทั้งประสิทธิภาพฆ่าเชื้อของแผ่นซีทัช นั้นเร็วกว่าแผ่นทองแดงถึง 240 เท่า”

สำหรับการทำงานของแผ่นซีทัชนั้น เมื่อมีเชื้อตกลงบนแผ่น ซีทัช เชื้อจะถูกดูดลงสู่ชั้นล่างทันทีด้วยเทคโนโลยี ไมโครพอรัสเลเยอร์ (Micro-Porous Layer) (จดสิทธิบัตรนวัตกรรมเป็นเจ้าแรกของโลก) ที่ทำหน้าที่เสมือนหลุมดำ ทำให้พื้นผิวของแผ่นซีทัชสะอาดตลอดเวลา หลังจากนั้นส่วนประกอบของ สมาร์ทนาโนไอออน จะทำปฏิกิริยากับ แอคทีฟอ๊อกซิเจน (Active Oxygen) เข้าไปทำลายผนังเซลล์และโปรตีนของเชื้อโรคจากด้านใน ทำให้เชื้อโรคสูญเสียอาหารและน้ำโครงสร้างของเชื้อก็จะถูกทำลายโดยสมบูรณ์ในระดับอาร์เอ็นเอ (RNA) และดีเอ็นเอ (DNA)

โดยผลิตภัณฑ์ ซีทัช นั้นผ่านการรับรองมาตรฐานจากสถาบันชั้นนำของโลก อาทิ ALG Group ประเทศสหรัฐอเมริกาว่าสามารถฆ่าเชื้อ Human Corona virus ได้ถึง 99.99%, สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (FDA) ประเทศสหรัฐอเมริกา, CE-Mark ประเทศยุโรป, SIAA ประเทศญี่ปุ่น รวมทั้งมีผลการทดลองในไทย โดยภาควิชาฟิสิกส์ คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี

อย่างไรก็ตาม ในสถานการณ์การแพร่ระบาดระลอกใหม่ของโควิด-19 ในขณะนี้ บริษัทฯ มั่นใจว่าผลิตภัณฑ์ ซีทัช จะสามารถตอบสนองต่อความต้องการและสร้างความมั่นใจในความปลอดภัยบริเวณจุดสัมผัสร่วมให้กับประชาชนได้มากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นบริเวณโทรศัพท์มือถือ ที่ผลักและจับประตู ปุ่มกดลิฟต์  โต๊ะห้องประชุม ที่จับรถเข็น เคาน์เตอร์ ฯลฯ  โดยหน่วยงานทั้งภาครัฐและเอกชน สามารถนำผลิตภัณฑ์ ซีทัช ไปใช้เป็นส่วนหนึ่งของมาตรการเชิงรุกเพื่อป้องกันการแพร่เชื้อโควิด-19 ได้อีกด้วย

นอกจากความร่วมมือกับ ซินเน็คฯ ในด้านการตลาดและการจัดจำหน่ายแล้ว ยังได้มีการจัดทำโครงการร่วมกันขึ้น โดยนำผลิตภัณฑ์ ซีทัช ไปติดตั้งให้ฟรีกับหน่วยงานสาธารณะ ได้แก่ ศูนย์บริการหลังการขายของซินเน็คฯ ทั้ง 10 สาขา, โรงพยาบาลกว่า 10 แห่ง, ธุรกิจขนาดเล็ก (SME) ที่ได้รับผลกระทบกว่า 100 รายทั่วประเทศ และจะขยายโครงการต่อไปในกลุ่มขนส่งมวลชน, ไปรษณีย์ไทย, ธนาคาร และหน่วยงานสาธารณะต่างๆ ที่ต้องเผชิญกับวิกฤตโควิดในขณะนี้

Back to top button