IVL เชื่อผลงานครึ่งปีหลังโตต่อ รับดีมานด์ฟื้น ชู “สเปรด – บาทอ่อน” หนุนกำไรเด่น

IVL มั่นใจผลงานครึ่งปีหลังโตต่อเนื่อง รับดีมานด์ฟื้นตัวสูง อีกทั้งจากราคาน้ำมันที่ย่อตัวลงทำให้ “สเปรด” มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นได้มากกว่าครึ่งปีแรก และค่าเงินบาทที่อ่อนค่า ช่วยหนุนกำไรเด่น


นายดีเค อากาวาล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธุรกิจ Combined PET, IOD และ Fibers บริษัท อินโดรามา เวนเจอร์ส จำกัด (มหาชน) หรือ IVL เปิดเผยว่า แนวโน้มผลการดำเนินงานในช่วงครึ่งปีหลังยังมีทิศทางการเติบโตขึ้นต่อเนื่องจากครึ่งปีแรก จากภาพรวมของดีมานด์ในตลาดโลกที่ยังเห็นทิศทางการฟื้นตัวกลับมาเพิ่มขึ้นสูงกว่าครึ่งปีแรกอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะตลาดในสหรัฐฯและยุโรปที่มีการเปิดเมืองมากขึ้น และได้รับผลกระทบจากการแพร่ะบาดโควิด-19 สายพันธุ์เดลต้าไม่มากทำให้ยังไม่มีการล็อกดาวน์ ดังนั้น ยอดขายในสหรัฐฯและยุโรปยังเป็นปัจจัยหนุนหลักที่เข้ามาช่วยผลักดันการเติบโตของผลงานในปีนี้

อีกทั้งบริษัทฯยังมีกำลังการผลิตกลับมาเพิ่มจากโรงงานในเท็กซัสที่สหรัฐฯ หลังจากปิดไปในช่วงครึ่งปีแรกจากเหตุการณ์ฟ้าผ่า ทำให้มีกำลังการผลิตกลับมาหนุนยอดขาย

ขณะเดียวกันราคาน้ำมันที่ปรับเพิ่มขึ้นมายังช่วยสนับสนุนให้ราคาผลิตภัณฑ์เพิ่มขึ้นตามไปด้วย ซึ่งทิศทางช่วงครึ่งปีหลังมองว่ายังเห็นการเติบโตขึ้นได้บ้างจากครึ่งปีแรกที่ปรับขึ้นมามากแล้ว และด้านส่วนต่างราคาผลิตภัณฑ์ (สเปรด) คาดว่าปัจจุบันราคาน้ำมันที่ย่อตัวลงมาทำให้เสปรดมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นได้มากขึ้นกว่าครึ่งปีแรก ช่วยหนุนกำไรจากการดำเนินงานก่อนหักภาษีและค่าเสื่อมราคา (EBITDA) ในช่วงครึ่งปีหลังได้ค่อนข้างมาก

นอกจากนี้ค่าเงินบาทที่อ่อนค่ามา 10% ในปัจจุบันจะเป็นอีกปัจจัยที่เข้ามาหนุนกำไรของบริษัทฯในครึ่งปีหลังที่คาดว่าจะเห็นกำไรออกมาอย่างโดดเด่น

อย่างไรก็ตามแม้ว่าดีมานด์ในกลุ่มประเทศเอเชียจะได้รับผลกระทบบ้างจากการแพร่ระบาดโควิด-19 สายพันธุ์เดลต้า ทำให้หลายประเทศในเอเชียมีมาตรการควบคุมเข้มงวดออกมา แต่บริษัทฯมองว่าไม่ได้รับผลกระทบมาก เนื่องจากสัดส่วนยอดขายในเอเชียส่วนใหญ่อยู่ในประเทศจีน ซึ่งยังไม่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 สายพันธุ์เดลต้ามากเท่ากับประเทศอื่นๆ ทำให้ดีมานด์ยังอยู่ในระดับสูงมากที่สุดในเอเชีย อีกทั้งบริษัทฯมีสัดส่วนยอดขายในเอเชียไม่มากเมื่อเทียบกับยอดขายในสหรัฐฯและยุโรป

ส่วนดีลการซื้อกิจการโรงงานผลิตสารลดแรงตึงผิว (Surfactant) ในบราซิล มูลค่า 1.50 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ปัจจุบันยังอยู่การเจรจาเพื่อสรุปดีล ซึ่งบริษัทฯมั่นใจว่ามีแหล่งทุนเพียงพอรองรับการลงทุนดังกล่าว โดยไม่จำเป็นต้องเพิ่มทุน ทั้งกระแสเงินสดยังอยู่ในระดับสูง อีกทั้งยังมีความสามารถในการกู้ยืม เนื่องจากบริษัทฯพยายามเดินหน้าลดอัตราส่วนหนี้สินต่อทุน (D/E) มาต่อเนื่อง เพื่อให้ D/E ในสิ้นปีนี้ลดลงมาเหลือ 1.27 เท่า จากที่ครึ่งปีแรกอยู่ที่ 2.20 เท่า ซึ่งหากมีการกู้ยืมบริษัทฯจะพยายามควบคุม D/E ให้ไม่ให้กลับมาเกิน 2 เท่า

 

Back to top button