ส่อง “หุ้นแบงก์” โค้งท้ายปี 64 ชู SCB-KKP เด่น รับสินเชื่อพ.ย.โต

ส่อง "หุ้นแบงก์” โค้งท้ายปี 64 โบรกชี้กำไร Q4 สดใส ชู SCB-KKP เด่น รับสินเชื่อพ.ย.โตดี-ลุ้นเดือนธ.ค.ขยายตัวต่อเนื่อง


“ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์” รวบรวมกลุ่มหุ้นธนาคารมานำเสนอหลังจากสินเชื่อเดือน พ.ย.2564 เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนหน้า และคาดเดือน ธ.ค.2564 จะโตต่อเนื่อง และคาดเป็นปัจจัยบวกให้หุ้นธนาคารได้รับผลบวก โดยการรวบรวมข้อมูลครั้งนี้อ้างอิงมาจากบริษัทหลักทรัพย์ เคทีบีเอสที จำกัด (มหาชน)ซึ่งระบุไว้ดังนี้

โดยสินเชื่อเดือน พ.ย. ปี 2564 เพิ่มขึ้น 0.5% เทียบเดือนก่อนหน้า จากสินเชื่อรายย่อยในส่วนของ สินเชื่อบ้านและเช่าซื้อเป็นหลัก ภาพรวมสินเชื่อเดือน พ.ย. ปี 2564 ทั้ง 8 ธนาคาร ที่cover อยู่ที่ 10.7 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้น 0.5% เทียบเดือนก่อนหน้า จากสินเชื่อรายย่อย ที่เป็นสินเชื่อบ้านและสินเชื่อเช่าซื้อเป็นหลัก

ทั้งนี้ธนาคารที่มีสินเชื่อเพิ่มขึ้น มากสุดเมื่อเทียบ เทียบเดือนก่อนหน้า คือ ธนาคารเกียรตินาคินภัทร จำกัด (มหาชน) หรือ KKP โต 3.4% จากสินเชื่อเช่าซื้อในส่วนของรถใหม่ เป็นหลักเพราะเพิ่งได้พันธมิตรอย่างโตโยต้าและฮอนด้าเข้ามาในช่วงไตรมาส 3/2564 รองลงมาเป็น ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BBL โต 1.9% จากสินเชื่อรายใหญ่และต่างประเทศ

ในขณะที่ บริษัท ทิสโก้ไฟแนนเชียลกรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ TISCO มีสินเชื่อลดลงมากสุด 0.3% เทียบเดือนก่อนหน้า เนื่องจากการชำระคืนของสินเชื่อรายใหญ่ ส่วนภาพรวมของเงินฝากในเดือน พ.ย. ปี 2564 อยู่ที่ระดับ 12.3 ล้าน ล้านบาท ลดลง 0.4% เทียบเดือนก่อนหน้า เพราะสภาพคล่องที่ยังคงอยู่ในระดับสูง (ที่มา: ข้อมูลบริษัท)

ทั้งนี้บล.เคทีบีเอสที มองเป็นบวกกลุ่มธนาคาร มุมมองเป็นบวกต่อสินเชื่อในเดือนพ.ย.ปี 2564 ที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นเทียบเดือนก่อนหน้า ขณะที่คาดว่า ภาพรวมเดือนธ.ค. ปี 2564 เห็นการปรับตัวเพิ่มเทียบเดือนก่อนหน้า จากการเปิดประเทศเกิดกิจกรรมทางเศรษฐกิจมากขึ้น ประกอบกับ Motor expo ช่วง 1-12ธ.ค.2564

นอกจากลูกหนี้ที่รับกระทบจากโควิดยังคง Debt relief รวมถึงต้องการปล่อยสินเชื่อ soft loan ขึ้นช่วยเหลือลูกหนี้ที่ได้รับกระทบต่อไป อย่างไรดีเราให้ความสำคัญกับประเด็นของ NPL มากกว่าที่มีแนวโน้มเพิ่มอย่างต่อเนื่อง แต่เชื่อว่าจะทยอยเพิ่มขึ้นไม่กังวลมากนัก เพราะ ธปท.มีการต่อมาตรการไปถึง 31 ธ.ค.2565 ยังคงน้ำหนักเป็น “มากกว่าตลาดเลือก SCB เป็น Top ขณะที่ KKP ได้ sentiment เชิงบวกจากสินเชื่อโตเด่นในเดือน พ.ย.

โดยยังคงน้ำหนักการทุนกลุ่มธนาคารเป็น “มากกว่าตลาด” เนื่องจาก 1) คาดกำไรสุทธิไตรมาส 4/2564 จะเติบโตได้ดีเทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน จากสำรองฯ ที่ลดลง และหลังจากการคลายล็อกดาวน์และการเปิดประเทศทำให้สินเชื่อและรายได้ค่าธรรมเนียมจะกลับมาฟื้นตัวได้ 2) NPL จะยังอยู่ในขาขึ้นแต่เป็นการทยอยปรับตัวเพิ่มขึ้น เพราะยังมี มาตรการช่วยเหลือต่อ และ 3) valuation ยังถูกเทรดที่ระดับเพียง 0.73x PBV (-1.5SD below 10-yr average PBV) ขณะที่ KKP (ซื้อ/เป้า 67 บาท) จะได้ sentiment เชิงบวกจากสินเชื่อที่เติบโตได้อย่างโดดเด่นในเดือน พ.ย. ปี 2564

ทั้งนี้ยังคงเลือก SCB เป็น Top pick ราคาเป้าหมายที่ 150 บาท อิง 2022E PBV ที่ 1.1x (-1.00SD below 10-yr average PBV) โดยมองว่า SCB ควรเทรดที่ premium กว่ากลุ่มที่ระดับ -1.50SD เพราะการเปลี่ยน ธุรกิจใหม่เป็น Holding company และการรุกในธุรกิจ digital เต็มรูปแบบที่เป็น trend ในอนาคตก่อน จะทำให้ได้เปรียบกว่าคู่แข่งมาก ขณะที่แนวโน้มของการตั้งสำรองที่เพียงพอแล้วและ NPL ไม่น่ากลัวเท่าคู่แข่ง

Back to top button