ผู้ถือหุ้น WP ไฟเขียวปันผล 0.15 บ. XD 12 พ.ค. ตั้งเป้ารายได้ปีนี้โตกว่า 5%

ผู้ถือหุ้น WP ไฟเขียวปันผล 0.15 บ. ขึ้นเครื่องหมาย XD 12 พ.ค.65 พร้อมจ่าย 27 พ.ค.65 ฟากซีอีโอ “ชมกมล พุ่มพันธุ์ม่วง” มั่นใจธุรกิจขาย LPG แกร่งเดินหน้าขยายธุรกิจใหม่ต่อยอดธุรกิจหลัก พร้อมลุยเจาะตลาดต่างประเทศเพิ่ม หนุนรายได้ปีนี้โตกว่า 5%


นางสาวชมกมล พุ่มพันธุ์ม่วง ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร  บริษัท ดับบลิวพี เอ็นเนอร์ยี่ จำกัด (มหาชน) หรือ WP เปิดเผยว่า ที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2565 มีมติอนุมัติให้จ่ายเงินปันผลสำหรับผลการดำเนินงานงวดปี 2564 ให้แก่ผู้ถือหุ้นเป็นเงินสดในอัตรา 0.15 บาท/หุ้น     โดยได้กำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้นที่มีสิทธิรับเงินปันผล (Record Date) ในวันที่ 13 พฤษภาคม 2565  วันที่ไม่ได้รับสิทธิปันผล (XD) วันที่ 12 พฤษภาคม 2565 และกำหนดจ่ายเงินปันผลในวันที่ 27 พฤษภาคม 2565

บริษัทฯมีเป้าหมายที่จะสร้างผลตอบแทนที่ดีที่สุดให้กับทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องอย่างสม่ำเสมอในทุกๆ ปี ซึ่งเงินปันผลที่มอบให้กับผู้ถือหุ้นในรูปของเงินสดครั้งนี้  เกิดจากการที่บริษัทฯได้มุ่งมั่นและทุ่มเทในการดำเนินธุรกิจทุกภาคส่วน ทำให้ช่วยผลักดันผลการดำเนินงานเติบโตได้อย่างมีศักยภาพ และสร้างผลตอบแทนที่ดี”นางสาวชมกมล กล่าว

สำหรับทิศทางธุรกิจปีนี้ บริษัทฯ ยังมีแนวโน้มเป็นขาขึ้น โดยมีปัจจัยสนับสนุนที่สำคัญจากธุรกิจจัดจำหน่ายก๊าซปิโตเลียมเหลว (LPG) ที่ปีนี้ตั้งเป้าเพิ่มเป็น 765,000 ตัน แบ่งเป็นขายภายในประเทศ 740,000 ตัน และส่งออก 25,000 ตัน  จากปีที่ผ่านมียอดขายเท่ากับ 700,000 ตัน  พร้อมกันนี้ยังได้ขยายเครือข่ายการจัดจำหน่ายผ่านการเพิ่มตัวแทนจำหน่ายในพื้นที่ต่างๆ ภายในประเทศ ซึ่งตั้งเป้าภายใน 3 ปีครอบคลุม 77 จังหวัดทั่วประเทศ  เพื่อให้สามารถเข้าถึงลูกค้า ได้กว้างขวาง และครอบคลุมมากขึ้น รวมถึงมีแผนขยายตลาดของการส่งออกไปยังต่างประเทศมากขึ้น ซึ่งปัจจุบันได้ Trading LPG ไปยังประเทศเวียดนามเรียบร้อยแล้ว

ส่วนธุรกิจพลังงานแสงอาทิตย์บนหลังคา (Solar Rooftop) ปีนี้ตั้งเป้าเพิ่มกำลังการผลิตเป็น 20 เมกะวัตต์ จากปัจจุบันมีกำลังการผลิต 5 เมกะวัตต์

นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังมองหาโอกาสและช่องทางธุรกิจใหม่ๆ ในการสร้างรายได้เพิ่ม เพื่อสร้างความเข้มแข็งเพิ่มเติมให้กับการลงทุนที่มีในปัจจุบัน เพื่อผลักดันการเติบโตให้กับธุรกิจต่อไปได้ในระยะยาว โดยมั่นใจรายได้ปีนี้จะเติบโตตามเป้าไม่ต่ำกว่า 5% จากปี 2564 หรืออยู่ที่ประมาณ 12,000 ล้านบาท

Back to top button