KTB ผนึก “Contour” ลุยบริการ “L/C ดิจิทัล” ครบวงจร ผ่านบล็อกเชน

KTB จับมือ Contour ยกระดับบริการเอกสารยืนยันการชำระเงินในการซื้อขายสินค้า ( L/C) ในรูปแบบดิจิทัลผ่านเทคโนโลยีบล็อกเชน


นายธวัชชัย ชีวานนท์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานบริหารจัดการทางการเงินเพื่อธุรกิจ จำกัด (มหาชน) หรือ KTB เปิดเผยว่า ธนาคารประกาศความร่วมมือกับพันธมิตรชั้นนำระดับโลก “Contour” ผู้ดูแลเครือข่ายการบริการทางการเงินเพื่อการค้าแบบดิจิทัล ซึ่งได้รับรางวัล Best Fintech in Trade ในปี 2022 จากการจัดลำดับของ The Global Trade Review (GTR) ปัจจุบันมีธนาคารสมาชิก 20 ธนาคารและมีเครือข่ายครอบคลุมมากกว่า 50 ประเทศทั่วโลก เพื่อยกระดับและเพิ่มขีดความสามารถการแข่งขันให้ผู้ประกอบธุรกิจการค้าต่างประเทศของไทย ด้วยบริการเอกสารยืนยันการชำระเงินในการซื้อขายสินค้า (Letter of Credit : L/C) ในรูปแบบดิจิทัลผ่านเทคโนโลยีบล็อกเชนทั้งระบบ เพิ่มความสะดวกรวดเร็วในการทำธุรกรรมจากการลดขั้นตอนด้านเอกสาร ลดต้นทุนการทำธุรกิจบนมาตรฐานความปลอดภัยระดับสากล ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการทำธุรกรรมการค้าต่างประเทศ

สำหรับความร่วมมือกับ Contour เพื่อช่วยให้ลูกค้าธนาคารสามารถใช้ L/C ดิจิทัลได้ครบวงจร เพิ่มความรวดเร็วในกระบวนการขอออกหรือแก้ไข L/C สำหรับผู้นำเข้า และการยื่นเอกสารเพื่อขอเรียกเก็บเงินตาม L/C ของผู้ส่งออก ลดขั้นตอนและข้อผิดพลาดในการด้วยการทำงานผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ 100% ตรวจสอบข้อมูลและติดตามสถานะได้แบบเรียลไทม์ และสามารถแสดงเอกสารเพื่อเรียกเก็บเงินตาม L/C ผ่านแพลตฟอร์ม ทำให้ธุรกรรมมีความรวดเร็ว โปร่งใส ตรวจสอบได้ผ่านเทคโนโลยีบล็อกเชน ที่มีความปลอดภัยสูง ลดความเสี่ยงจากการทุจริตปลอมแปลงข้อมูล ช่วยลดต้นทุนการดำเนินธุรกิจและค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นจากการขนส่งสินค้า เช่น ค่าเสียเวลาของตู้สินค้าที่ไม่สามารถนำออกจากท่าได้ตามเวลาที่กำหนด (Demurrage charge)  โดยเริ่มให้บริการอย่างเป็นทางการในเดือนมกราคม 2566

ทั้งนี้ ธนาคารเดินหน้าพัฒนาบริการทางการเงินที่ทันสมัย สนับสนุนการขับเคลื่อนเศรษฐกิจและสังคมไปสู่ดิจิทัล(Digitalization)  มั่นใจว่าการพัฒนาบริการ L/C ครั้งนี้ จะช่วยติดปีกให้ลูกค้าธุรกิจการค้าต่างประเทศ แข่งขันในเวทีการค้าโลกได้อย่างแข็งแกร่ง สนับสนุนให้เศรษฐกิจไทยฟื้นตัวและเติบโตได้อย่างยั่งยืน เพราะการค้าระหว่างประเทศเป็นส่วนสำคัญของการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย โดยจากข้อมูลของ Krungthai Compass ชี้ว่า ไทยพึ่งพิงการส่งออกในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ โดยสัดส่วนของมูลค่าการส่งออกต่อ GDP ปี 2564 สูงถึง 61.7% โดยมูลค่าการส่งออกของไทยอยู่ในทิศทางเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ตัวเลขประมาณการปี 2565 เติบโตประมาณ 7% การนำเข้าเติบโตประมาณ 15% ทั้งนี้การค้าระหว่างประเทศจะยังมีบทบาทสำคัญต่อเศรษฐกิจไทย การส่งออกยังสามารถเติบโตได้ต่อไปแม้จะเผชิญแรงกดดันจากต่างประเทศ โดยเฉพาะการส่งออกในหมวดอุตสาหกรรมยานยนต์และอุตสาหกรรมอาหารที่มีทิศทางเติบโตได้ดีต่อไปในปี 2566

ด้านนายคาร์ล เวกเนอร์ (Mr. Carl Wegner) ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท Contour กล่าวว่า การนำเทคโนโลยีบล็อกเชนเข้ามายกระดับบริการธุรกรรม Letter of Credit (L/C) นอกจากจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการให้บริการแล้ว ยังสร้างประสบการณ์ใหม่ในการทำธุรกรรม L/C ให้กับลูกค้าธนาคาร ซึ่งเป็นไปตามวิสัยทัศน์ของบริษัทที่มุ่งมั่นนำเทคโนโลยีมาใช้สร้างเครือข่ายการให้บริการการค้าระหว่างประเทศ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและลดความซับซ้อนของขั้นตอนการค้าระหว่างประเทศ การที่ธนาคารกรุงไทยเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในระบบนิเวศที่กำลังเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่องของเรา แสดงให้เห็นว่า Contour และธนาคารกรุงไทย มีความมุ่งมั่นร่วมกันที่จะขับเคลื่อนการค้าระหว่างประเทศให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น และเพิ่มมูลค่าเชิงกลยุทธ์ให้กับลูกค้าธุรกิจของธนาคาร

Back to top button