คัด 3 หุ้นเด่น รับผลดีลงทุน “เอกชน” คึกคัก

คัด 3 หุ้นเด่น ได้แก่ ATP30-RT-CCP ได้แรงหนุนจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ ส่งผลให้ภาพรวมเศรษฐกิจฟื้นตัว ภาคเอกชนทยอยลงทุน อีกทั้งโอกาสการรับงานก็จะมีมากขึ้นตามปริมาณการลงทุนที่สูงขึ้น


ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) รายงานภาวะเศรษฐกิจไทยเดือนมกราคม 2566 พบว่า ปรับตัวดีขึ้นเกือบทุกกิจกรรม ทั้งการบริโภคภาคเอกชนที่ได้แรงหนุนจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจและการลงทุนภาคเอกชน สอดคล้องกับการผลิตภาคอุตสาหกรรมที่ฟื้นตัว

ขณะที่ดัชนีความเชื่อมั่นทางธุรกิจเดือนกุมภาพันธ์ 2566 ปรับตัวขึ้นมาอยู่ที่ระดับเกิน 50 ได้เป็นครั้งแรกในรอบ 8 เดือน ตามความเชื่อมั่นด้านการลงทุนและการบริโภคที่ดีขึ้น สะท้อนจากผลประกอบการ คำสั่งซื้อ และการจ้างงานที่ปรับตัวดีขึ้น ประกอบกับจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ส่งผลดีต่อความเชื่อมั่นของภาคที่ไม่ใช่การผลิตเกือบทุกหมวดธุรกิจ โดยเฉพาะกลุ่มอสังหาริมทรัพย์และก่อสร้าง รวมถึงค้าปลีก ทำให้ดีมานด์กำลังซื้อจากจีนเริ่มทยอยกลับมา

ดังนั้น หุ้นที่ได้รับอานิสงส์จากการลงทุนภาคเอกชน รวมถึงยังได้มีโอกาสรับงานมากขึ้น ได้แก่ บริษัท เอทีพี 30 จำกัด (มหาชน) หรือ ATP30, บริษัท ไร้ท์ทันเน็ลลิ่ง จำกัด (มหาชน) หรือ RT, บริษัท ผลิตภัณฑ์คอนกรีตชลบุรี จำกัด (มหาชน) หรือ CCP

ทั้งนี้ นายปิยะ เตชากูล กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอทีพี 30 จำกัด (มหาชน) หรือ ATP30 ระบุว่า การฟื้นตัวของเศรษฐกิจและการท่องเที่ยว จะส่งผลให้ภาคเอกชนมีแนวโน้มทยอยลงทุนต่อเนื่อง โดยเฉพาะในเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC)

โดยสาเหตุสำคัญเพราะประเทศไทยค่อนข้างมีความเป็นกลาง จึงได้รับอานิสงส์จากความขัดแย้งด้านภูมิรัฐศาสตร์ในประเทศ เมียนมาร์, ไต้หวัน และยุโรปบางประเทศ สนับสนุนให้ประเทศไทยเป็นตัวเลือกลำดับต้นๆ ที่จะเป็นบ้านหลังที่สอง (Second Home) ในการกระจายฐานการผลิตและการลงทุน ส่งผลให้มีแนวโน้มการขยายโรงงาน การเพิ่มกำลังการผลิตและอัตราการจ้างงาน ดังนั้นบริษัทจะได้ประโยชน์โดยตรงเพราะเมื่อมีการขยายแรงงาน และมีการใช้บริการขนส่งพนักงานเพิ่มขึ้น ซึ่งโรงงานนิคมอุตสาหกรรมเป็นกลุ่มลูกค้าหลักของ ATP30

ขณะเดียวกันปีนี้จะมีการเลือกตั้งในประเทศเกิดขึ้นอีกครั้ง ซึ่งส่วนตัวมองว่าการเลือกตั้งครั้งนี้จะสะท้อนความเป็นประชาธิปไตยในแง่ของการเมืองมากขึ้น และเชื่อว่าเมื่อทุกภาคส่วนมีความเชื่อมั่น ก็จะส่งผลให้ภาพรวมเศรษฐกิจปรับตัวดีขึ้น ภาคเอกชนทยอยลงทุน ส่งผลให้โอกาสการรับงานของบริษัทก็จะมีมากขึ้นตามปริมาณการลงทุนที่สูงขึ้น

ทั้งนี้อานิสงส์ดังกล่าวจะเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่สนับสนุนผลประกอบการของ ATP30 ในปี 2566 ทำสถิติสูงสุดใหม่ (All Time High) ตามเป้าหมาย คาดว่ารายได้ปีนี้จะเติบโตไม่ต่ำกว่า 10% และมีศักยภาพการทำกำไรที่ดีขึ้นกว่าปีก่อน

โดยปีนี้บริษัทวางแผนลงทุนรถใหม่เพิ่มอีก 60 คัน แบ่งเป็นรถบัสและมินิบัสไฟฟ้าจำนวน 30 คัน และรถตู้น้ำมันจำนวน 30 คัน โดยตั้งงบประมาณการลงทุนราวประมาณ 100-180 ล้านบาท ในแง่ต้นทุน โดยเฉพาะน้ำมัน บริษัทมีการบริหารความเสี่ยงอยู่แล้ว เพราะถือเป็นต้นทุนหลักของการดำเนินงาน อีกทั้งสัญญากับลูกค้าส่วนใหญ่เป็นค่าบริการแปรผันกับราคาน้ำมัน จึงสามารถควบคุมต้นทุนให้อยู่ในระดับที่เหมาะสมได้ ส่วนเรื่องค่าไฟไม่ค่อยเป็นกังวล เพราะบริษัทอยู่ระหว่างการพิจารณาใช้พลังงานหมุนเวียน (Renewable Energy) มากขึ้น

ด้าน นายชวลิต ถนอมถิ่น ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไร้ท์ทันเน็ลลิ่ง จำกัด (มหาชน) หรือ RT ระบุว่า การลงทุนภาคเอกชนจะเป็นแรงกระตุ้นสำคัญที่ทำให้เศรษฐกิจในประเทศฟื้นตัวได้ต่อเนื่อง โดยจะได้แรงหนุนจากการท่องเที่ยวฟื้นตัวและการย้ายฐานผลิตโรงงานอุตสาหกรรมมายังประเทศไทยมากขึ้น ซึ่งจะส่งผลบวกโดยตรงต่อธุรกิจรับเหมาก่อสร้างตั้งแต่ต้นปีและขยายตัวต่อเนื่อง

ขณะที่การเลือกตั้งที่กำลังจะเกิดขึ้น ซึ่งคาดว่าจะเกิดพัฒนาการใหม่ๆ โดยจะส่งผลดีต่อการลงทุนทั้งภาครัฐและเอกชน ทำให้บริษัทมีโอกาสเข้ารับงานใหม่มากขึ้นด้วยจุดเด่นด้านความเชี่ยวชาญของบุคลากรและเครื่องจักรเฉพาะทาง สามารถเข้ารับงานหลากหลายอุตสาหกรรม โดยบริษัทตั้งเป้าหมายรายได้ปี 2566 เติบโต 100% โดยปัจจุบันมีงานในมือ (Backlog) ราวประมาณ 11,400 ล้านบาท คาดว่าจะรับรู้รายได้ปีนี้ประมาณ 4,000 ล้านบาท

สำหรับความเสี่ยงด้านต้นทุน ยังคงติดตามแนวโน้มราคาวัสดุก่อสร้างและราคาพลังงานอย่างใกล้ชิด พร้อมวางแผนจัดซื้อวัสดุก่อสร้างให้สอดคล้องกับสถานการณ์ ด้านพลังงานล่าสุดบริษัทร่วมมือกับมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ เดินหน้าพัฒนาระบบยานยนต์ไฟฟ้าขนาดใหญ่เพื่อใช้ในอุตสาหกรรมก่อสร้าง โดยเฉพาะงานก่อสร้างอุโมงค์เพื่อลดต้นทุนการใช้เชื้อเพลิงขนส่ง และช่วยลดมลพิษในเขตพื้นที่ก่อสร้างอย่างยั่งยืน คาดว่าจะสามารถนำมาใช้ในพื้นที่ก่อสร้างช่วงไตรมาส 3/2566

นอกจากนี้ นายอาทิตย์ ทีปกรสุขเกษม กรรมการผู้จัดการ บริษัท ผลิตภัณฑ์คอนกรีตชลบุรี จำกัด (มหาชน) หรือ CCP ประเมินว่า การลงทุนภาคเอกชนที่มีแนวโน้มดีขึ้นต่อเนื่อง โดยเฉพาะหลังนักท่องเที่ยวจีนเริ่มกลับมา ส่งผลให้ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์กลับมาลงทุนกันคึกคักทั้งโครงการหมู่บ้าน, คอนโด และอื่นๆ ในเขตภาคตะวันออก ซึ่งเป็นเขตท่องเที่ยวและอุตสาหกรรม ดังนั้นจะส่งผลต่อดีมานด์วัสดุก่อสร้างและคอนกรีตสำเร็จรูปให้เติบโตด้วย

ขณะเดียวกัน การเลือกตั้งในประเทศที่กำลังจะเกิดขึ้น จะเป็นปัจจัยด้านบวกต่อความเชื่อมั่นและภาพรวมการลงทุนที่ชะลอตัวมาตั้งแต่ช่วงโควิด-19  โดยบริษัทฯ ตั้งเป้ารายได้ปีนี้ 2,600 บาท และรักษาอัตรากำไรขั้นต้นให้ไม่ต่ำกว่า 12% รวมถึงรักษาแบ็กล็อกให้อยู่ในระดับ 1,800 ล้านบาท

สำหรับการบริหารต้นทุน บริษัทได้จัดการทำโซลาร์รูฟท็อปภายในพื้นที่โรงงาน เพื่อลดต้นทุนค่าไฟฟ้า ส่วนการผันผวนของราคาน้่ำมันที่ส่งผลต่อราคาวัตถุดิบ ซึ่งบริษัทได้มีการศึกษา นำรถตักไฟฟ้า รถโฟล์คลิฟไฟฟ้า มาใช้ภายในโรงงาน เพื่อลดต้นทุนการผลิต ในส่วนของการขาย เน้นการขายขยายฐานลูกค้ารายย่อยมากขึ้น เช่น ผู้รับเหมาขนาดกลาง-เล็ก เพื่อกระจายความเสี่ยงการพึ่งพากลุ่มลูกค้าโครงการระยะยาว

Back to top button