ลงทุนภาคเอกชน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (31 ต.ค.68) ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า ภาวะเศรษฐกิจไทยในไตรมาสที่ 3 ปี 2568 ชะลอลงจากไตรมาสก่อน ทั้งในด้านอุปทานและอุปสงค์ โดยฝั่งอุปทานได้รับผลกระทบจากการหยุดผลิตชั่วคราวในบางอุตสาหกรรม ทำให้กิจกรรมในภาคบริการที่เกี่ยวข้องลดลง ส่วนด้านอุปสงค์ภายในประเทศอ่อนแรงตามกำลังซื้อ โดยเฉพาะการลงทุนภาคเอกชนที่ลดลง 4.5% จากเดือนก่อนหน้า และการบริโภคภาคเอกชนที่ลดลง 0.8% ส่วนการใช้จ่ายภาครัฐ (ไม่รวมเงินโอน) หดตัว 2.5% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า อย่างไรก็ตาม เศรษฐกิจในเดือนกันยายนเริ่มฟื้นตัวหลังปัจจัยชั่วคราวคลี่คลาย ภาคการผลิตกลับมาขยายตัวจากกลุ่มปิโตรเลียมและเครื่องดื่มที่กลับมาผลิตหลังหยุดชั่วคราว รวมถึงการผลิตรถยนต์ที่เพิ่มขึ้นจากกลุ่มยานยนต์ไฟฟ้า (EV) ส่งผลให้ภาคการค้าและขนส่งปรับดีขึ้น ในด้านต่างประเทศ การส่งออกสินค้าที่ไม่รวมทองคำขยายตัว 0.9% จากเดือนก่อน โดยเฉพาะหมวดอิเล็กทรอนิกส์ แม้การส่งออกไปสหรัฐฯ ชะลอบางรายการจากผลกระทบมาตรการภาษีตอบโต้ (Reciprocal Tariffs) ส่วนการนำเข้าสินค้า (ไม่รวมทองคำ) เพิ่มขึ้น 1.8% ตามการฟื้นตัวของการผลิต ขณะเดียวกัน ภาคท่องเที่ยวขยายตัวต่อเนื่อง จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติเดือนกันยายนเพิ่มขึ้น 5.8% จากเดือนก่อนหน้า โดยเฉพาะจากมาเลเซียและอินเดีย ซึ่งเดินทางเพิ่มขึ้นจากวันหยุดยาวและเส้นทางบินใหม่ ธปท. ระบุว่า เสถียรภาพเศรษฐกิจโดยรวมยังอยู่ในเกณฑ์ดี ตลาดแรงงานทรงตัว โดยจำนวนผู้ประกันตนในระบบประกันสังคมคงที่จากเดือนก่อนหน้า และดุลบัญชีเดินสะพัดเกินดุล 1.9 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ทั้งนี้ ประเด็นสำคัญที่ต้องติดตาม ได้แก่ 1. การฟื้นตัวของภาคอุตสาหกรรม 2. ผลกระทบจากมาตรการภาษีของสหรัฐฯ 3. พัฒนาการของภาคการท่องเที่ยว และ 4. มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐและการฟื้นตัวของกำลังซื้อในประเทศ อ้างอิงข้อมูล : ธนาคารแห่งประเทศไทย