NER พ้นจุดต่ำสุด! ชูปันผลสูง-พีอีต่ำ เคาะเป้า 7.80 บ. ดันอัพไซด์ทะลุ 60%

โบรกชี้ NER พ้นจุดต่ำสุด ชูหุ้น “ปันผล” สูงพ่วง “พีอี” ต่ำ ฟาก Bloomberg Consensus คาดกำไรปี 66 ราว 1,968 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 13% จากปีก่อน ราคาเป้า 7.80 บาท ดันอัพไซด์สูง 60%


บริษัทหลักทรัพย์หลายแห่งได้ออกบทวิเคราะห์ ประเมินแนวโน้มผลการดำเนินงานของหุ้น บริษัท นอร์ทอีส รับเบอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ NER ในช่วงที่เหลือของปีนี้ โดย บล.หยวนต้า (ประเทศไทย) ระบุในบทวิเคราะห์ คาดกำไรปกติในไตรมาส 1/66 คือจุดต่ำสุดของปี และผ่านจุด Bottom ของอุตสาหกรรมไปแล้ว คาดเริ่มเห็นการฟื้นตัวของ ASP และปริมาณขายไม่น้อยกว่า 5% จากไตรมาสก่อนในไตรมาส 2/66 ซึ่งอาจทำให้ GPM กลับมาที่ระดับ 10% ได้ ขณะที่ ASP มีโอกาสเร่งขึ้นได้ในช่วงครึ่งหลังของปี 66 เพราะคาดว่าปริมาณฝนในปีนี้จะน้อยกว่าปกติทำให้น้ำยางออกสู่ตลาดน้อยกว่าปกติได้ ขณะที่การชะลอตัวของเศรษฐกิจฝั่งประเทศตะวันตก กระทบต่ออุปสงค์จากลูกค้าของ NER ค่อนข้างจำกัด

ขณะที่ราคาปัจจุบันซื้อขายที่ PER ปี 66 เพียง 5.8 เท่า และคาดเงินปันผลสำหรับปี 66 ที่ 0.35 บาท ให้ผลตอบแทน 6.9% สะท้อนว่าราคาตลาดตอบสนองต่อแนวโน้มกำไรไตรมาส 1/66 ไปมากแล้ว ขณะที่ผลประกอบการคาดฟื้นตัวขึ้นรายไตรมาส มองว่าผลประกอบการที่ผ่านจุดต่ำสุดแล้ว เป็นโอกาสสะสม คงราคาเป้าหมายที่ 7.10 บาท คงคำแนะนำ “ซื้อ”

บล.ยูโอบี เคย์ เฮียน (ประเทศไทย) ระบุในบทวิเคราะห์ ว่า จากแนวโน้มราคายาง, GPM และธุรกิจแผ่นยาง ที่มีแนวโน้มอ่อนแอกว่าที่คาดเดิม ฝ่ายวิจัยจึงมีการปรับลดกำไรปี 66-67 ลง 31% และ 28% เพื่อสะท้อนความเสี่ยงดังกล่าว ได้กำไรปี 66 ลดลง 21% จากปีก่อน และจะฟื้นตัว 11.7% จากปีก่อน โดยประมาณการปัจจุบันยังไม่รวมผลจากการขยายกำลังการผลิตใหม่ในปี 67 เข้ามาภาพรวมระยะสั้นแนวโน้มกำไรอาจโดดเด่นน้อยลง แต่ยังชดเชยได้จาก Dividend yield ที่สูงราว 6% ต่อปี จึงยังคงแนะนำ “ซื้อ”

บล.พาย ระบุในบทวิเคราะห์ ว่า NER รายงานกำไรสุทธิงวดไตรมาส 1/66 เหลือ 314 ล้านบาท ลดลง 33% จากปีก่อน, ลดลง 15% จากไตรมาสก่อน ได้รับผลกระทบจากการลดลงของราคายางแม้ว่าปริมาณขายจะเพิ่มขึ้นจากปีก่อน ขณะที่แนวโน้มในช่วงไตรมาส 2/66 คาดว่าปริมาณขายจะดีขึ้นหลังความต้องการยางจากจีนยังมีอยู่มาก

รวมถึงราคาที่ค่อยๆ ปรับตัวดีขึ้น แต่ความเสี่ยงคือผลกระทบจากภัยแล้งที่อาจจะทำให้ปริมาณยางพาราในภาคอีสานน้อยกว่าที่ประเมิณไว้ ซึ่งทำให้การขยายโรงงานใหม่ของ NER ยังอยู่ระหว่างการติดตามผลกระทบดังกล่าวอยู่

ทั้งนี้ปรับกำไรในปี 67 ลดลงจากเดิม 16% เหลือ 1,640 ล้านบาท ลดลง 6% จากปีก่อน แต่ด้วยเงินปันผลที่ยังดีอยู่ในระดับ 6-7% จึงแนะนำ “ซื้อ” เช่นเดิม

บล.อินโนเวสท์ เอกซ์ ระบุในบทวิเคราะห์ ว่า แม้ปี 66 ปริมาณขายยางจะมีแนวโน้มเติบโต ตามอุปสงค์ที่ปรับตัวดีขึ้นจากการเปิดประเทศของจีนและความต้องการยางรถ EV รวมทั้งการขยายฐานลูกค้าใหม่ๆ แต่กําไรปกติไตรมาส 1/66 คิดเป็นเพียง 16% ของประมาณการทั้งปี ซึ่งต่ำเกินไปมาก เนื่องจากศักยภาพทำกำไรแย่กว่าคาดมากจากราคาขายที่ฟื้นตัวช้ากว่าคาดมาก เพื่อสะท้อนปัจจัยลบและยึดหลักระมัดระวัง จึงปรับลดประมาณการกําไรปี 66 ลงจากเดิม 16% โดยภายใต้ประมาณการใหม่คาดปี 66 บริษัทจะมีกําไรปกติ 1,625 ล้านบาท หดตัว 12% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน

สำหรับกรอบราคาเป้าหมายใหม่ปี 66 อยู่ที่หุ้นละ 4.80-5.30 บาท (อิงค่าเฉลี่ย PER เดิมที่ 5.5-6.0 เท่า) พบว่าไม่มี Upside ที่น่าสนใจแล้ว ซึ่งเมื่อบวกกับไตรมาส 2/66 คาดกําไรปกติยังมีแนวโน้มลดลงจากปีก่อนตามราคาขายยางเฉลี่ยที่ลดลงจากปีก่อน จึงทำให้ขาดปัจจัยกระตุ้นการปรับขึ้นของราคาหุ้นในช่วงสั้นนี้ ดังนั้นกลยุทธ์ลงทุนจึงคงคำแนะนํา “ขายหรือหลีกเลี่ยงการลงทุนไปก่อน” ความเสี่ยงสำคัญ คือ ความผันผวนของราคายางพารา, การถดถอยของเศรษฐกิจโลกและจีน, การแข็งค่าของเงินบาท

บล.โกลเบล็ก ระบุในบทวิเคราะห์ มีมุมมองเป็นกลางต่อผลประกอบการไตรมาส 1/66 และแนวโน้มทั้งปี 66 โดยปัจจัยเสี่ยงของปีนี้มาจากปัญหาด้านอุปทานยางที่คาดจะตึงตัว จากปรากฏการณ์เอลนีโญที่ทำให้แนวโน้มปริมาณน้ำฝนในปีนี้ต่ำกว่าระดับค่าเฉลี่ย 5% ในรอบ 20 ปี ส่วนราคายางคาดผ่านจุดต่ำสุดไปแล้วและมีแนวโน้มปรับดีขึ้นอีก 4-5% ในช่วงที่เหลือของปีนี้ จากความต้องการยางที่ยังเติบโตดีจากการที่จีนเปิดประเทศและเทรนด์ของ EV Car

โดยผู้บริหารคงเป้าปริมาณขายทั้งปี 66 ที่ราว 5 แสนตัน เพิ่มขึ้น 12% จากปีก่อน แต่คาด % GPM ทรงตัวที่ระดับ 10% ต่ำกว่าปี 65 อยู่ที่ระดับ 12% จากแนวโน้มราคาขายที่ทรงตัวในระดับต่ำ โดย Bloomberg Consensus คาดกำไรปี 66 ราว 1,968 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 13% จากปีก่อน และราคาเหมาะสม 7.80 บาท (อาจถูก Revised down จากการประชุมฯล่าสุด) อย่างไรก็ตามราคาหุ้นปรับตัวลง 20% นับจากต้นปีนี้ถึงปัจจุบัน สะท้อนผลประกอบการที่อ่อนแอไปแล้ว และปัจจุบันซื้อขายที่ PE 5.9 เท่า ต่ำกว่ากลุ่มที่ 9 เท่า) พร้อมแนะนำ “ซื้อ”

Back to top button