ส่องไอพีโอ “ดาวรุ่ง-ดับ” ไตรมาส 1 เจ๋งสุด BKGI วันแรกทะยาน 170%

ส่องหุ้นไอพีโอ “ดาวรุ่ง-ดับ” ไตรมาส 1/67 เจ๋งสุด BKGI วันแรกทะยาน 170% จับตาช่วงไตรมาส2 จ่อเข้าเพิ่ม ฟากโบรกมองแนวโน้ม SET เริ่มฟื้นตัวตั้งแต่ไตรมาส 2 และมีโอกาสเห็นสิ้นปี 67 ทดสอบ 1,550 จุด


“ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์” ได้ทำการรวบรวมข้อมูลหุ้น IPO ที่เข้าจดทะเบียนใน ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) และตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ (mai) ช่วงไตรมาส 1 ปี 2567 ระหว่างเดือน (มกราคม-มีนาคม 2567) จำนวน 7 บริษัท โดยเข้ามาจดทะเบียนใน SET จำนวน 4 บริษัท และจดทะเบียนใน mai จำนวน 3 บริษัท

สำหรับหุ้น IPO เข้ามาซื้อขายตลาดรองวันแรกใน ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) ราคาหุ้นสามารถปรับตัวขึ้นปิดเหนือจองราคาเสนอขาย IPO  มีจำนวน 3 บริษัท อาทิ บริษัท แอดไวซ์ ไอที อินฟินิท จำกัด (มหาชน) หรือ ADVICE เข้าซื้อขายวันแรก 31 มกราคม 2567 ราคาหุ้นขึ้นมาปิด 5.25 บาท บวกไป 2.10 บาท หรือขึ้นไป 62.04% จากราคาเสนอขายหุ้น IPO อยู่ที่ 3.24 บาท

ต่อมา บริษัท เอ็นแอล ดีเวลลอปเมนต์ จำกัด (มหาชน) หรือ NL เข้าซื้อขายวันแรก 20 กุมภาพันธ์ 2567 ราคาหุ้นขึ้นมาปิด 3.10 บาท บวกไป 0.50 บาท หรือขึ้นไป 19.23% จากราคาเสนอขาย IPO อยู่ที่ 2.60 บาท

ถัดมา บริษัท แบงคอกจีโนมิกส์อินโนเวชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ BKGI เข้าซื้อขายวันแรก 20 มีนาคม 2567 ราคาหุ้นขึ้นมาปิด4.40 บาท บวกไป 2.77 บาท หรือขึ้นไป 169.98% จากราคาเสนอขาย IPO อยู่ที่ 1.63 บาท

ส่วนบริษัทที่ราคาหุ้นวันแรกปิดต่ำจองราคาเสนอขาย IPO เป็น ธนาคารไทยเครดิต จำกัด (มหาชน) หรือ CREDIT เข้าซื้อขายวันแรก 9 กุมภาพันธ์ 2567 ราคาหุ้นลงมาปิด 27.50 บาท ลบไป 1.50 บาท หรือลงไป 5.17% จากราคาเสนอขาย IPO อยู่ที่ 29 บาท

ทั้งนี้ เมื่อหุ้นดังกล่าวเข้ามาซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฯ แล้วนั้นปรากฎว่าการเคลื่อนไหวของราคาหุ้นจนมาถึงวันที่ 11 เมษายน 2567 ยังมีหุ้นที่เหนือราคาจอง และหลุดต่ำจองตามโดยปริยาย สำหรับหุ้นยังเหนือจอง ได้แก่ ADVICE, BKGI, ส่วนหลักทรัพย์ต่ำจอง คือ NL, CREDIT

ขณะที่หุ้น IPO เข้ามาซื้อขายตลาดรองวันแรกใน ตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ (mai) ราคาหุ้นสามารถปรับตัวขึ้นปิดเหนือจองราคาเสนอขาย IPO  มีจำนวน 1 บริษัท อย่างบริษัท แนท แอบโซลูท เทคโนโลยีส์ จำกัด (มหาชน) หรือ NAT เข้าซื้อขายวันแรก 15 กุมภาพันธ์ 2567 ราคาหุ้นขึ้นมาปิด 6.90 บาท บวกไป 1.50 บาท หรือขึ้นไป 27.78% จากราคาเสนอขาย IPO อยู่ที่ 5.40 บาท

ส่วนบริษัทที่ราคาหุ้นวันแรกปิดต่ำจองราคาเสนอขาย IPO มี 2 บริษัท คือ บริษัท ยูโร ครีเอชั่นส์ จำกัด (มหาชน) หรือ EURO เข้าซื้อขายวันแรก 14 กุมภาพันธ์ 2567 ราคาหุ้นลงมาปิด 8.60 บาท ลบไป 0.90 หรือลงไป 18.87% จากราคาเสนอขาย IPO อยู่ที่ 10.60 บาท และบริษัท เพเนเล่ส์มาติก โซลูชั่นส์ จำกัด (มหาชน) หรือ PANEL เข้าซื้อขายวันแรก 22 กุมภาพันธ์ 2567 ราคาหุ้นลงมาปิด 3.50 บาท ลบไป 0.18 หรือลงไป 4.89% จากราคาเสนอขาย IPO อยู่ที่ 3.68 บาท

ต่อมาหลังจากเข้ามาซื้อขายใน ตลาดเอ็ม เอ ไอ จนมาถึงวันที่ 11 เมษายน 2567 ราคาหุ้นมีการเคลื่อนไหวเปลี่ยนแปลงกลับมาต่ำจองราคาเสนอขาย IPO ทั้งหมดคือ EURO, PANEL, NAT

อย่างไรก็ตามเมื่อเริ่มเข้าไตรมาส 2 ปี 2567 หุ้นน้องใหม่ IPO ทยอยเข้าเทรดในเดือนเมษายนทั้งตลาด SET และ mai แล้วจำนวน 4 บริษัท พบว่าราคาหุ้นปิดวันแรกเหนือจองราคาเสนอขาย IPO จำนวน 3  บริษัท  แต่มีต่ำจองราคาเสนอขาย IPO จำนวน 1  บริษัท โดยมีดังนี้ บริษัท เอเชียน น้ำมันปาล์ม จำกัด (มหาชน) หรือ APO  เข้าซื้อขายวันแรก 2 เมษายน 2567 ราคาหุ้นขึ้นมาปิด 2.12 บาท บวกไป 1.13 บาท หรือขึ้นไป 144.14% จากราคาเสนอขาย IPO อยู่ที่ 0.99 บาท

ขณะที่ บริษัท บีพีเอส เทคโนโลยี จำกัด (มหาชน) หรือ BPS เข้าซื้อขายวันแรก 3 เมษายน 2567  ราคาหุ้นขึ้นมาปิด 1.23 บาท บวกไป 0.33 บาท หรือขึ้นไป 36.67% จากราคาเสนอขาย IPO อยู่ที่ 0.90 บาท

ส่วนบริษัท คิวทีซีจี จำกัด (มหาชน) หรือ QTCG เข้าซื้อขายวันแรก 4 เมษายน 2567 ราคาหุ้นขึ้นมาปิด 0.95 บาท บวกไป 0.25บาท หรือขึ้นไป 20.83% จากราคาเสนอขาย IPO อยู่ที่ 1.20 บาท

ตัวล่าสุด บริษัท นีโอ คอร์ปอเรท จำกัด (มหาชน) หรือ NEO เข้าซื้อขายวันแรก 9 เมษายน 2567 ราคาหุ้นขึ้นมาปิด 46.25 บาท บวกไป 7.25 บาท หรือขึ้นไป 18.59% จากราคาเสนอขาย IPO อยู่ที่ 39 บาท

นอกจากนี้ จะเห็นได้ว่ามีหลายบริษัทที่เปิดตัวไม่ค่อยดีมากนักในการเข้ามาซื้อขายวันแรกในตลาดรอง ขณะที่ทิศทางตลาดหุ้น IPO ในไตรมาส 2/2567 นั้น (ตลท.) กล่าวว่า มีหุ้นที่ได้รับการอนุมัติจาก สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เพื่อเข้าจดทะเบียน SET จำนวน 8 บริษัท  และ mai มีจำนวน 5 บริษัท รวมทั้งอยู่ระหว่างดำเนินการรอยื่นเอกสารให้สำนักงานก.ล.ต. พิจารณาจำนวนกว่า 40 บริษัท

ทั้งนี้ หนึ่งในบริษัทที่ได้ยื่นจดทะเบียน คือ “ร้านโอ้กะจู๋” หรือ บริษัท ปลูกผักเพราะรักแม่ จำกัด ซึ่งจะขายหุ้น IPO จำนวนไม่เกิน 159 ล้านหุ้น โดยมีบริษัทหลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวม บัวหลวง จำกัด เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน

ขณะที่ ยังมีบริษัทที่ได้รับการอนุมัติให้ขายหุ้น IPO แต่ได้เลื่อนแผนการขายและเข้าตลาดหุ้นออกไป อาทิ บริษัท บิ๊กซี รีเทล คอร์ปอเรชัน จำกัด (มหาชน) หรือ BRC, บริษัท ซี พี เอ ฟ โกลบอล ฟู้ ด โซลูชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ CPFGS, บริษัท ยัสปาล จำกัด (มหาชน) หรือ JPC ส่วนข่าวการเข้าจดทะเบียนขายหุ้น IPO ของ “ชายสี่บะหมี่เกี๊ยว”  หรือ บริษัท ชายสี่ คอร์ปอเรชั่น จำกัด มีแผนเข้าตลาดช่วง 1-2 ปีหน้า

นอกเหนือจากนนี้ อีกหนึ่งบริษัทที่น่าจับตามองภายหลังผู้บริหารประกาศแผนงานจะระดมทุนเข้าจดทะเบียนในตลาดหุ้นไทยภายในปี 2568 คือ Bitkub” ซึ่ง นายจิรายุส ทรัพย์ศรีโสภา ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ Bitkub Capital Group Holdings กล่าวว่า แผนการเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์จะเป็นไปเพื่อระดมเงินทุนไว้สำหรับการขยายธุรกิจและการเพิ่มความน่าเชื่อถือของบริษัท ซึ่งอยู่ในช่วงการจ้างที่ปรึกษาทางการเงินสำหรับการเข้าตลาด

ส่วนทิศทางหุ้นที่จะเข้า ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ในไตรมาส 2/2567 มีการคาดการณ์ว่าภาพรวมหุ้น IPO จะมีความคึกคักมากขึ้นจากไตรมาส 1/2567

ด้านนายสุกิจ อุดมศิริกุล กรรมการผู้จัดการ สายงานวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ อินโนเวสท์ เอกซ์ จำกัด ระบุว่า แนวโน้มตลาดหุ้นไทยจะปรับตัวดีขึ้นจากไตรมาส 1/2567 ซึ่งได้รับปัจจัยเรื่องนโยบายทางการเงินของ สหรัฐฯ รวมไปถึงการที่รัฐบาลผ่านร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2567 วงเงิน 3.48 ล้านล้านบาท ซึ่งจะมีการอนุมัติใช้ภายในเดือนเม.ย.นี้  พร้อมคาดการณ์มูลค่างบลงทุนจะอยู่ที่ประมาณ 4 แสนล้านบาท และหากเป็นไปตามการคาดกาณ์ ฝ่ายนักวิเคราะห์ประเมิณว่า GDP ในประเทศจะมีการขยายตัวราว 3.0% อันเนื่องมาจากการลงทุนของภายรัฐและเอกชน และหากการเบิกจ่ายต่ำกว่าการณ์คาดการมีแนวโน้มที่ GDP ภายในประเทศจะหดตัวลงอยู่ที่ประมาณ 2.5%

ขณะที่ ทิศทางเศรษฐกิจไทยปัจจุบันยังคงน่าเป็นห่วงหาก GDP ไม่สามารถปรับตัวขึ้นไปสู่ระดับ 3% และอัตราเงินเฟ้อยังคงติดลบต่ออีก 2 เดือน อาจเห็นการปรับลดดอกเบี้ยนโยบายการเงิน 2 ครั้งช่วงเดือนเม.ย.- มิ.ย.67 นอกเหนือจากนี้การออกมาตรการคุมเข้มชอร์ตเซลจะสร้างความเชื่อมั่นนักลงทุนกลับมาได้

“ทั้งนี้ ฝ่ายนักวิเคราะห์คาดการณ์ SET Index ไตรมาส 2/2567 มีโอกาสขยับขึ้นสู่ระดับ 1,500 – 1,504 จุด และอาจมีแนวรับ 1,386 จุด ขณะที่สิ้นปี 2567 มองแนวต้านอยู่ที่ 1,550 จุด” นายสุกิจ กล่าว

นอกเหนือจากนี้ หากมองภาพเศรษฐกิจโลกคาดการณ์ว่านโยบายการเงินของประเทศเศรษฐกิจหลักจะดีมากขึ้น หลัง ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) มีโอกาสปรับลดลดดอกเบี้ยได้ในไตรมาส 2/2567 ช่วงประชุมเดือนมิถุนายนนี้ และอาจเห็นอีกครั้งใน 3-4 ครั้งในปีนี้ รวมถึงประเทศจีนเริ่มออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจหลายด้านหาก GDP จีนเติบโตได้ 5% ในปี 2567 ซึ่งจะส่งผลบวกเศรษฐกิจและตลาดหุ้นของเอเชีย โดยเฉพาะไทยนั่นเอง

Back to top button