TEGH กวาดรายได้ Q1 ทะลุ 3.7 พันล้าน ลุยขยายฐานลูกค้า ดันผลงานปีนี้ “ออลไทม์ไฮ”

TEGH เปิดงบไตรมาส 1/67 กวาดรายได้ทะลุ 3.7 พันล้านบาท ขานรับยอดขายยางแท่งเติบโตแกร่งแตะ 3 พันล้านบาท ลุยขยายฐานลูกค้าในประเทศและยุโรป-จีน-อินเดีย หลังมีการบังคับใช้กฎหมาย EUDR คาดผลงานปีนี้ “ออลไทม์ไฮ”


นางสาวสินีนุช โกกนุทาภรณ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไทยอีสเทิร์น กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) หรือ TEGH ผู้ผลิตและจำหน่ายยางธรรมชาติและน้ำมันปาล์มดิบรายใหญ่ในภาคตะวันออก รวมถึงผู้นำด้านการผลิตพลังงานทดแทนและรับบริหารจัดการกากอินทรีย์แบบครบวงจร เปิดเผยว่า ภาพรวมผลการดำเนินงานไตรมาส 1/67 (สิ้นสุด 31 มีนาคม 67) บริษัทฯ มีรายได้รวม 3,708.65 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 63.43 ล้านบาท โดยมีรายได้จากการจำหน่ายสินค้ายางแท่งรวม 3,158.05 ล้านบาท ซึ่งมีปัจจัยสนับสนุนมาจากภาพรวมเศรษฐกิจฟื้นตัวรวมถึงการเติบโตของอุตสาหกรรมยางล้อและรถยนต์

ส่วนแนวโน้มผลการดำเนินไตรมาส 2/67 บริษัทฯคาดการณ์มีทิศทางที่ดีจากธุรกิจผลิตและจำหน่ายยางธรรมชาติที่มีทิศทางการเติบโตที่สดใสตลอดทั้งปี พร้อมทั้งมีโอกาสที่จะทำให้ยอดขายยางแท่งปี 67 สามารถทำสถิติสูงสุดใหม่ (All Time High) ได้ตามเป้าหมายที่วางไว้ โดยคาดการณ์ว่าปริมาณขายยางแท่งจะเพิ่มขึ้น 20% จากปีก่อนที่มียอดขาย 197,000 ตัน

“ในไตรมาสแรกปีนี้ บริษัทฯ มียอดขายยางแท่งที่เติบโตได้ดีและคาดการณ์ว่าจะดีต่อเนื่องในไตรมาส 2/67 ตลอดจนถึงสิ้นปีนี้ ที่สำคัญยอดขายยางแท่งยังมีโอกาสทำ “ออลไทม์ไฮ” ตามการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจและอุตสาหกรรมยางล้อและรถยนต์ รวมถึงมีสัญญาณที่ดีจากความต้องการยางแท่งมาตรฐาน EUDR ซึ่งจะส่งผลเชิงบวกต่อผลประกอบการในครึ่งปีหลังทั้งในด้านของยอดขายและราคาขายยางแท่งอีกด้วย” นางสาวสินีนุช กล่าว

สำหรับแผนการดำเนินธุรกิจในปี 67 บริษัทฯยังคงมุ่งเน้นขยายฐานลูกค้าทั้งในประเทศและต่างประเทศ ทั้งในยุโรป จีน และอินเดีย โดยได้รับผลเชิงบวกจากการบังคับใช้กฎหมาย EUDR ซึ่งเป็นกฎหมายสินค้าปลอดการตัดไม้ทำลายป่า ซึ่งที่ผ่านมาบริษัทฯ ได้มีการเจรจาทำสัญญาซื้อขายยางแท่งเกรด EUDR ทั้งในโซนยุโรปและเอเชีย ทั้งนี้จะเริ่มส่งมอบสินค้าในช่วงครึ่งหลังปี 67 พร้อมกับเป็นปัจจัยสนับสนุนให้ผลการดำเนินงานเติบโตขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ

นอกจากนี้ ในส่วนของธุรกิจผลิตและจำหน่ายน้ำมันปาล์มดิบมีแนวโน้มไปในทิศทางที่ดีขึ้น โดยหม้อต้มไอน้ำ (Boiler) ลูกใหม่อยู่ระหว่างทดสอบระบบ ซึ่งคาดการณ์ว่าจะเสร็จทันใช้งาน เพื่อรองรับช่วงพีคของปาล์มในไตรมาส 3/67 รวมถึงบริษัทมีแผนที่จะติดตั้งหม้อนึ่งปาล์ม (Sterilizer) เพิ่มเติม ซึ่งจะทำให้กำลังการผลิตน้ำมันปาล์มดิบเพิ่มขึ้น 50% ภายในปี 69

ขณะที่ธุรกิจด้านพลังงานทดแทนและบริหารจัดการกากอินทรีย์หลังจากที่เดินระบบและเริ่มรับรู้รายได้จากโครงการขยายกำลังการผลิตก๊าซชีวภาพเฟสที่ 1 ในไตรมาส 4/66 นั้น ในไตรมาส 1/67 ก็สามารถรับกากอินทรีย์เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง โดยมีรายได้จากการรับบริหารจัดการกากอินทรีย์เพิ่มขึ้น 17.08% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และคาดการณ์ว่าจะสามารถเริ่มโครงการขยายกำลังการผลิตก๊าซชีวภาพเฟสที่ 2 ได้ภายในปี 67

Back to top button