
SICT กวาดรายได้ Q1 เฉียด 200 ล้าน รับแรงหนุน Animal ID โตแกร่ง
SICT โชว์รายได้ไตรมาส 1/2568 แตะระดับเกือบ 200 ล้านบาท รับแรงหนุนรายได้จากไมโครชิปกลุ่มระบบลงทะเบียนสัตว์เติบโตแข็งแกร่ง
บริษัท ซิลิคอน คราฟท์ เทคโนโลยี จำกัด (มหาชน) หรือ SICT ผู้ออกแบบและจำหน่ายไมโครชิพอัจฉริยะสัญชาติไทย รายงานผลประกอบการสำหรับไตรมาส 1 ปี 2568 มีรายได้จำนวน 194.5 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 56 จากไตรมาสก่อนหน้า ปัจจัยหลักมาจากไมโครชิปกลุ่มระบบลงทะเบียนสัตว์ (Animal Identification) ซึ่งเติบโตได้ดีเยี่ยม สะท้อนการขยายตัวของตลาดที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ทั้งนี้ รายได้ลดลงเล็กน้อยที่ร้อยละ 5 เมื่อเทียบกับไตรมาสที่ 1 ปี 2567 เป็นผลมาจากการแข็งค่าของค่าเงินบาท โดยบริษัทมีอัตรากำไรขั้นต้นร้อยละ 41 มีกำไรสุทธิจำนวน 33.9 ล้านบาท คิดเป็นอัตรากำไรสุทธิที่ร้อยละ 17
โดยไตรมาส 1 ปี 2568 รายได้จากไมโครชิปกลุ่มระบบลงทะเบียนสัตว์ (Animal Identification) มีจำนวน 136.9 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 21 จากช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า จากการเติบโตของรายได้จากกลุ่มลูกค้าหลักในทวีปยุโรป รายได้จากไมโครชิปกลุ่ม IoT ในภาคอุตสาหกรรม (Industrial IoT) มีจำนวน 37.4 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 44 จากช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า จากการลดลงของรายได้ของกลุ่มลูกค้าในเอเชีย
ขณะที่รายได้จากไมโครชิปกลุ่มระบบกุญแจอิเล็กทรอนิกส์ยานยนต์ (Immobilizer) มีจำนวน 18.5 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 26 จากช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า เนื่องจากรายได้ที่ลดลงจากลูกค้าในทวีปยุโรปและอเมริกา โดยเห็นสัญญาณหดตัวทั้งภาคอุตสาหกรรมอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ช่วงครึ่งปีหลังของปี 2566 ทั้งนี้ รายได้จากผลิตภัณฑ์ใหม่ ULTX ยังคงคิดเป็นสัดส่วนรายได้หลักที่สำคัญของกลุ่ม จากคำสั่งซื้อของลูกค้าในทวีปยุโรป และไมโครชิปกลุ่ม NFC และอื่นๆ มีรายได้จำนวน 1.7 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 135 เมื่อเทียบกันกับช่วงเดียวกันของปีก่อน
ทั้งนี้ ในปี 2568 บริษัทวางแผนในการออกผลิตภัณฑ์ใหม่ในช่วงครึ่งปีหลังอีก 4-5 ผลิตภัณฑ์ ซึ่งครอบคลุมทั้งกลุ่มผลิตภัณฑ์ Animal ID และกลุ่ม Industrial IoT โดยคาดว่าจะเป็นปัจจัยสำคัญในการสนับสนุนการเติบโตของรายได้อย่างมีนัยสำคัญในปี 2569 อีกทั้ง บริษัทยังมีแผนในการลงทุนเพิ่มเติมในการวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีใหม่เพื่อรองรับการขยายตัวของตลาดและตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้อย่างต่อเนื่อง
โดยในส่วนของความเสี่ยงด้านภูมิรัฐศาสตร์ (Geopolitical Risk) และการประกาศขึ้นภาษีนำเข้าของสหรัฐอเมริกา (U.S. Tariff Tax) ที่ตามด้วยการประกาศภาษีตอบโต้ (Reciprocal Tariffs) สำหรับประเทศที่เกินดุลการค้ากับสหรัฐฯ บริษัทได้ติดตามสถานการณ์การเปลี่ยนแปลงอย่างใกล้ชิด จากทางฝั่งลูกค้าและคู่ค้าที่มีการนำเข้าและส่งออกสินค้าไปยังประเทศสหรัฐอเมริกา ทั้งนี้ จากการประเมิน ณ ปัจจุบัน บริษัทเห็นว่าผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นกับบริษัทโดยตรงยังอยู่ในระดับต่ำ
นอกจากนี้ วันที่ 6 พฤษภาคม ที่ผ่านมา บริษัทมีการจัดสัมมนาออนไลน์ (Webinar) Unlocking RFID Microchip Innovations for Industrial and Healthcare เพื่อแนะนำนวัตกรรมล่าสุดของบริษัทที่ขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยีไมโครชิป RFID แบบความถี่ต่ำและแบบความถี่สูง เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของแอปพลิเคชั่นหลากหลาย เช่น การจัดการการผลิตเซมิคอนดักเตอร์ ยกระดับระบบอัตโนมัติในโรงงาน ลดข้อผิดพลาดในการผ่าตัด เป็นต้น ซึ่งได้รับความสนใจจากลูกค้าเดิม และลูกค้าใหม่ จากหลากหลายประเทศ เช่น สเปน อิตาลี อังกฤษ ลักเซมเบิร์ก เบลเยี่ยม เนเธอร์แลนด์ เซอร์เบีย ญี่ปุ่น อินเดีย และไทย นอกจากนี้ บริษัทยังมีแผนการเดินทางไปโปรโมทนวัตกรรมในงาน SEMICON SEA ณ ประเทศสิงคโปร์ วันที่ 20-22 พฤษภาคม ปีนี้อีกด้วย
อีกทั้ง วันที่ 16 พฤษภาคม 2568 นี้ เวลา 16.00-17.00 น. บริษัทมีกำหนดการไปร่วมพูดคุยและนำเสนอในงาน Thailand Earnings Call Q1/2025 “เจาะลึกผลประกอบการ มองวิสัยทัศน์ในอนาคต” จัดโดยสมาคมนักลงทุนประเทศไทย โดยผู้สนใจสามารถดูรายละเอียดการลงทะเบียนและเข้าชมได้ที่ Facebook เพจ สมาคมนักลงทุนประเทศไทย