“เนสท์เล่” ฟ้องกลับ “มหากิจศิริ” ทวงสิทธิ์เนสกาแฟ 577 ล้าน ปมละเมิดเครื่องหมายการค้า

“เนสท์เล่ (ไทย)” เดินหน้าฟ้อง “มหากิจศิริ” ละเมิดสิทธิ์เครื่องหมายการค้า “เนสกาแฟ” เรียกค่าเสียหาย 577 ล้านบาท ขณะที่ศาลนัดพิจารณาประเด็นข้อพิพาทคดีใหม่ 9 มิ.ย. 68


ผู้สื่อข่าวรายงาน วันนี้ (30 พ.ค.68) บริษัท เนสท์เล่ (ไทย) จำกัด เปิดเผยความคืบหน้าเกี่ยวกับคดีละเมิดเครื่องหมายการค้า โดยเมื่อวันที่ 28 พฤษภาคม ที่ผ่านมา ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางได้นัดไกล่เกลี่ยในคดีที่บริษัทในเครือ เนสท์เล่ เอส.เอ. ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ เจ้าของเครื่องหมายการค้า เนสกาแฟ และเนสท์เล่ (ไทย) ผู้ได้รับสิทธิ์ใช้เครื่องหมายดังกล่าวแต่เพียงผู้เดียวในประเทศไทย ได้ยื่นฟ้อง นายประยุทธ มหากิจศิริ และ นายเฉลิมชัย มหากิจศิริ

เนสท์เล่ ระบุว่า การกระทำของทั้งสองส่งผลกระทบต่อสิทธิในเครื่องหมายการค้า เนสกาแฟอย่างมีนัยสำคัญ จนทำให้บริษัทต้องหยุดจำหน่ายผลิตภัณฑ์เนสกาแฟในไทยชั่วคราวเป็นเวลา 8 วัน ซึ่งบริษัทประเมินความเสียหายรวมทั้งสิ้น 577 ล้านบาท และได้ยื่นเรียกร้องค่าเสียหายดังกล่าวต่อศาล

โดยศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางได้มีคำสั่งคุ้มครองชั่วคราวยืนยันว่า เนสท์เล่ ไทย เป็นผู้มีสิทธิแต่เพียงผู้เดียวในอันที่จะใช้เครื่องหมายการค้า Nescafeและ เนสกาแฟในประเทศไทย

ทั้งนี้ การนัดไกล่เกลี่ยเมื่อวันที่ 28 พฤษภาคม 2568 ที่ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลาง นายเฉลิมชัย มหากิจศิริ และ ตัวแทนจากบริษัทเนสท์เล่ ได้เดินทางมาศาลเพื่อเข้าร่วมกระบวนการไกล่เกลี่ยตามขั้นตอนของศาล

อย่างไรก็ตาม ทั้งสองฝ่ายไม่สามารถตกลงกันได้ ศาลจึงมีคำสั่งให้คดีเข้าสู่กระบวนการพิจารณาคดีตามปกติ พร้อมนัดคู่ความเพื่อกำหนดประเด็นข้อพิพาทและดำเนินกระบวนการต่อไปในวันที่ 9 มิถุนายน 2568

ก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ 14 มีนาคม 2568 บริษัท เนสท์เล่ (ไทย) จำกัด ได้ยื่นคำร้องต่อศาลแพ่งกรุงเทพใต้ ขอให้ศาลมีคำสั่งเลิกกิจการบริษัท ควอลิตี้ คอฟฟี่ โปรดักส์ จำกัด (QCP) ซึ่งเป็นบริษัทร่วมทุนในสัดส่วน 50/50 ระหว่างเนสท์เล่และตระกูลมหากิจศิริ

เนสท์เล่ ระบุว่า เหตุผลในการยื่นคำร้องครั้งนี้เกิดจากความเห็นไม่ตรงกันระหว่างกรรมการและผู้ถือหุ้นทั้งสองฝ่าย จนไม่สามารถตกลงกันได้เกี่ยวกับทิศทางในอนาคตของบริษัท QCP อีกทั้ง QCP ได้หยุดดำเนินกิจการและไม่มีการผลิตผลิตภัณฑ์เนสกาแฟมาตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2568 เป็นต้นมา การขอเลิกกิจการครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อให้ผู้ถือหุ้นทั้งสองฝ่ายสามารถแบ่งสินทรัพย์ออกไปลงทุนต่อได้ตามวิสัยทัศน์และแนวทางของตนเอง

นอกจากการยื่นขอเลิกกิจการ บริษัท ควอลิตี้ คอฟฟี่ โปรดักส์ จำกัด (QCP) แล้ว บริษัท เนสท์เล่ (ไทย) จำกัด ยังได้ยื่นคำร้องต่อ ศาลแพ่งกรุงเทพใต้ เพื่อขอให้ศาลพิจารณา แต่งตั้งผู้ชำระบัญชีหรือผู้จัดการทรัพย์สิน เข้ามาทำหน้าที่ดูแลภาระทางการเงินของ QCP และปกป้องทรัพย์สินของบริษัทระหว่างรอคำตัดสินเกี่ยวกับการเลิกกิจการ เมื่อวันที่ 19 พฤษภาคม 2568 ที่ผ่านมา ศาลได้สืบพยานฝ่ายโจทก์ครบทั้ง 3 ปากแล้วเป็นที่เรียบร้อย ขณะนี้อยู่ระหว่างขั้นตอนการสืบพยานฝ่ายจำเลย โดยศาลได้นัดสืบพยานฝ่ายจำเลยในวันที่ 26 มิถุนายน 2568 ที่จะถึงนี้

Back to top button