BH โร่แจงข่าว “บำรุงราษฎร์” ซวนเซ! ยันไม่เป็นความจริง ชี้ผู้ป่วยตะวันออกกลางพุ่ง 45%

BH ออกโรงชี้แจงบทความ "บำรุงราษฎร์ ซวนเซ!” หลังข้อมูลคลาดเคลื่อนหลายจุด ย้ำรายได้ผู้ป่วยตะวันออกกลางเพิ่มขึ้น 45% ฟาก “กาตาร์” โตแรง 558% พร้อมพื้นฐานธุรกิจแข็งแกร่งจากฐานผู้ป่วยทั่วโลก ผลประกอบการยังเติบโตต่อเนื่อง


ผู้สื่อข่าวรายงาน วันนี้ (12 มิ.ย.68) บริษัท โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ จำกัด (มหาชน) หรือ BH เปิดเผยผ่านเว็บไซต์ โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ ถึงกรณีเกี่ยวกับบทความล่าสุดในหัวข้อ “บำรุงราษฎร์ ซวนเซ! เศรษฐีน้ำมันหายหน้า ทันร่วงกว่าครึ่ง” เมื่อวันที่ 10 มิถุนายน 2568 ที่ผ่านมา แม้ว่าเราจะเคารพบทบาทของสื่อมวลชนในการให้ข้อมูลแก่สาธารณชน แต่เรามีความกังวลว่าบทความดังกล่าวมีการให้ข้อมูลที่คลาดเคลื่อนและละเลยบริบทที่สำคัญหลายประการ ซึ่งสร้างความเข้าใจผิดเกี่ยวกับสถานการณ์ของโรงพยาบาลบำรุงราษฎร์

รวมถึงภาพรวมของระบบบริการสุขภาพของประเทศไทย ตลอดระยะเวลา 45 ปีที่ผ่านมา โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ เป็นจุดหมายปลายทางชั้นนำด้านสุขภาพของผู้ป่วยจากกว่า 190 ประเทศทั่วโลก ที่มุ่งแสวงหาการรักษาที่มีคุณภาพสูง มีจริยธรรม ความโปร่งใส และมุ่งเน้นผู้ป่วยเป็นศูนย์กลาง โดยในแต่ละปีมีผู้ป่วยและครอบครัวกว่า 1.1 ล้านคนที่เลือกใช้การบริบาลของโรงพยาบาลฯ ด้วยความมั่นใจในผลลัพธ์ทางการรักษา คุณภาพความปลอดภัยระดับสากล และ การดูแลแบบเฉพาะบุคคล ความไว้วางใจนี้ทำให้เราได้รับการยอมรับในระดับโลก โดยเป็นโรงพยาบาลแต่เพียงแห่งเดียวในประเทศไทยที่ได้รับการจัดอันดับให้เป็น “โรงพยาบาลที่ดีที่สุดในโลก” โดยนิตยสาร Newsweek ติดต่อกันเป็นเวลา 5 ปี และยังได้รับการรับรองในระดับสากลอีกมากมาย

บทความดังกล่าว อ้างถึงรายได้จากผู้ป่วยตะวันออกกลางที่ลดลงนั้นขาดข้อมูลที่สำคัญอย่างยิ่ง ซึ่งในความเป็นจริงแล้วรายได้สุทธิจากผู้ป่วยในภูมิภาคตะวันออกกลางในปี 2567 เพิ่มขึ้น 45% เมื่อเทียบกับปี 2562 ก่อนการระบาดของโควิด-19 สะท้อนถึงความผูกพันความชื่นชอบและความเชื่อมั่นอันยาวนานของผู้ป่วยต่อรูปแบบการดูแลเฉพาะทางของเรา โดยเฉพาะจากประเทศกาตาร์ที่รายได้เพิ่มขึ้นถึง 558% ในช่วงเวลาเดียวกันแสดงถึงความเชื่อมั่นในระยะยาวจากภูมิภาคดังกล่าว ซึ่งเป็นหลักฐานชัดเจมที่สะท้อนถึงความเชื่อถือในแบรนด์บำรุงราษฎร์ที่ยังคงมีจากภูมิภาคนี้อย่างต่อเนื่อง ทั้งยังคงหวนกลับมาใช้การบริบาลภายหลังสถานการณ์โควิดคลี่คลาย

บทความ ยังระบุว่า โรงพยาบาลขาดรายได้กว่า 1.3 พันล้านบาท ในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2567 ซึ่งไม่เป็นความจริง ในความเป็นจริง คือ รายได้ที่ลดลงจากผู้ป่วยตะวันออกกลาง รวมถึงคูเวตมีมูลค่ารวมเพียง 551 ล้านบาท ในช่วงเวลาดังกล่าว ซึ่งมีสาเหตุหลักจากการปฏิรูประบบนโยบายภายในประเทศของคูเวตไม่ใช่ปัญหาด้านคุณภาพหรือการบริบาลแต่อย่างใด ความเห็นดังกล่าวแสดงถึงความเข้าใจที่คลาดเคลื่อน ซึ่งเป็นประเด็นสำคัญที่ควรพิจารณาอย่างรอบคอบ

ยิ่งไปกว่านั้น ผลกระทบดังกล่าวได้รับการชดเชยจากรายได้ที่เติบโตขึ้นของตลาดตะวันออกกลางประเทศอื่น ๆ และตลาดต่างประเทศ ซึ่งเห็นได้ชัดจากผลประกอบการต่อหุ้นที่ยังคงเติบโตเมื่อเทียบปีต่อปี ในขณะเดียวกัน บทความกล่าวอ้างว่า ไม่มีป่วยจากคูเวตเลย ในความเป็นจริงประมาณ 30% ของผู้ป่วยชาวคูเวตได้กลับมาใช้บริการของโรงพยาบาลบำรุงราษฎร์อีกครั้งในปี 2567 ซึ่งสร้างรายได้กว่า 416 ล้านบาท ขณะที่ ผู้ป่วยจากกาตาร์และสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ยังคงเดินทางมาเข้ารับการรักษาโดยเฉพาะในอาการที่ซับซ้อนและต้องการความเชี่ยวชาญเฉพาะทาง

นอกจากนี้ บทความยังละเลยต่อข้อเท็จจริงที่ว่าโรงพยาบาลบำรุงราษฎร์มีฐานผู้ป่วยที่หลากหลายจากกว่า 190 สัญชาติ เราเห็นแนวโน้มการเติบโตที่แข็งแกร่งอย่างต่อเนื่องจากผู้ป่วยชาวไทยและชาวต่างชาติที่พำนักในไทย ตลอดจนผู้ป่วยจากประเทศกัมพูชา ลาว เมียนมา และตลาดต่างประเทศอื่นๆ ในปี 2567 รายได้จากผู้ป่วยชาวไทยเติบโดขึ้น 46% และจากชาวต่างชาติที่พำนักในไทยเพิ่มขึ้น 56% เมื่อเทียบกับปี 2562 โดยเฉพาะในสาชาที่ต้องใช้ความเชี่ยวชาญสูง การดูแลสุขภาพเชิงป้องกัน และเวชศาสตร์ฟื้นฟู ซึ่งล้วนเป็นจุดแข็งของโรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ที่ยังคงเป็นผู้นำในด้านนี้อย่างต่อเนื่อง

ทั้งนี้ ทางเราขอชี้แจงเพิ่มเติมว่า การเปิดเผยตัวเลขรายไตรมาส 2 ปี 2568 ณ เวลานี้ยังไม่เหมาะสมและอาจก่อให้เกิดความเข้าใจผิดแก่ผู้ลงทุน รวมถึงอาจขัดกับข้อกำหนดด้านการกำกับดูแล แต่สิ่งที่เราสามารถยืนยันได้ คือ เรายังคงมุ่งมั่นในการดูแลผู้ป่วยอย่างเต็มที่และความมุ่งมั่นนั้นคือแรงผลักดันสำคัญที่นำไปสู่การเติบโตอย่างต่อเนื่องในตลาดสำคัญต่างๆ โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ยังคงยึดมั่นในพันธกิจในการให้บริบาลทางการแพทย์ที่ปลอดภัยมีคุณภาพสูง และเน้นผู้ป่วยเป็นศูนย์กลางเราเชื่อมั่นว่าเมื่อผลลัพธ์ทางคลินิกและประสบการณ์ของผู้ป่วยมาก่อนการเติบโตอย่างยั่งยืนก็จะตามมาไม่ว่าผู้ป่วยจะมาจากที่ใดในโลกก็ตาม

ความสำเร็จทั้งหมดนี้ ไม่อาจเกิดขึ้นได้หากปราศจากความทุ่มเทของทีมแพทย์และบุคลากรทางการแพทย์ของเรา ซึ่งอยู่แนวหน้าของการวินิจฉัยและรักษาผู้ป่วยยังคงเลือกโรงพยาบาลบำรุงราษฎร์สำหรับการรักษาเฉพาะทาะทางด้วยความไว้วางใจในความเชี่ยวชาญของแพทย์และคุณภาพของทีมงานทั้งในด้านการรักษาและการบริบาลด้วยความเอื้ออาทรและยึดหลักจริยธรรมและความโปร่งใสเสมอมา

บทความดังกล่าวมีการเปรียบเทียบราคาชุดตรวจสุขภาพพื้นฐานที่ไม่ตรงกับข้อเท็จจริง โดยชุดตรวจสุขภาพระดับเริ่มดันของโรงพยาบาลบำรุงราษฎร์มีราคาเริ่มต้นที่ 7,000 บาท ไม่ใช่ 16,100 บาท ตามที่ระบุไว้ในบทความ ซึ่งความคลาดเคลื่อนนี้อาจเกิดข้อสงสัยต่อความถูกต้องของการวิเคราะห์โดยรวมของบทความ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อแพ็กเกจตรวจสุขภาพของแต่ละโรงพยาบาลมีความแตกต่างกันอย่างมากทั้งในด้านขอบเขตและการออกแบบ

ในความเป็นจริง ราคาชุดตรวจุสุขภาพระหว่างโรงพยาบาลไม่สามารถเปรียบเทียบกันโดยตรงได้ เนื่องจากแต่ละแห่งออกแบบแพ็กเภจตามศักยภาพทางคลินิก เทคโนโลยี และแนวทางดูแลผู้ป่วยของตน แม้ชื่อเพ็กเกจจะใกล้เคียงกัน เช่น “พื้นฐาน”, “ปกติ”, หรือ “ครอบคลุม” แต่รายละเอียดข้างในการตรวจวินิจฉัย อุปกรณ์ที่ใช้และความเชี่ยวชาญของแพทย์ก็อาจแตกต่างกันอย่างมาก ตัวอย่างเช่น โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ ได้นำเทคโนโลยีล้ำสมัยอย่างเครื่อง Photon-Counting CT ที่ขับเคลื่อนด้วย Al มาใช้ซึ่งให้ความละเอียดสูงกว่า พร้อมลดปริมาณรังสี่ที่ผู้ป่วยได้รับ ส่งผลให้สามารถตรวจพบปัญหาสุขภาพได้เร็วกว่าด้วยความแม่นยำที่สูงขึ้น สะท้อนถึงแนวทางการดูแลเชิงรุกและความแม่นยำของเรา

ที่สำคัญยิ่งไปกว่านั้น การสรุปว่า โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ มีค่าใช้จ่ายสูงกว่าโรงพยาบาลอื่นมากเพียงเพราะราคาแพ็กเกจตรวจสุขภาพเบื้องตัน โดยไม่พิจารณาคุณภาพ ความลึกซึ้ง และความซับซ้อนของการดูแลรักษาในด้านอื่นๆ เป็นการมองที่แคบเกินไป โรงพยาบาลแต่ละแห่งมีความเชี่ยวชาญเฉพาะตัวที่แตกต่างกัน แม้ว่าบทความจะให้ความสำคัญกัญกับเรื่องราคาว่าเป็นปัจจัยหลักในการตัดสินใจของผู้ป่วย แต่กลับละเลยองค์ประกอบสำคัญที่ผู้ป่วยหลายกลุ่มให้ความสำคัญ เช่น ชื่อเสียงและการยอมรับในระดับสากล ความเชี่ยวชาญทางการแพทย์ระดับสูง ความสามารถในการรักษาโรคที่ซับซ้อน ผลลัพธ์การรักษาที่พิสูจน์ได้ และบริการที่ออกแบบเฉพาะบุคคล ซึ่งสิ่งเหล่านี้สร้างคุณค่าที่จับต้องได้ให้กับผู้ป่วยจำนวนมาก

แม้ว่าผู้ป่วยบางกลุ่มอาจให้ความสำคัญกับราคา แต่ผู้ป่วยอีกจำนวนมาก รวมถึงผู้ป่วยชาวตะวันออกกลางส่วนใหญ่ เลือกโรงพยาบาลบำรุงราษฎร์เพราะเห็นถึง คุณภาพ คุณค่า และความทุ่มเทในการดูแลรักษาโรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ยังคงยกระดับมาตรฐานของเราอย่างต่อเนื่อง โดยอ้างอิงและเทียบเคียงผลลัพธ์ทางการรักษากับสถาบันทางการแพทย์ชั้นนำระดับโลก และปอยครั้งสามามารถทำผลงานได้เหนือกว่าเกณฑ์มาตรฐานสากล ทั้งในด้านคุณภาพและผลลัพธ์ทางคลินิก

การที่บทความแสดงทัศนะและมีข้อด่วนสรุปว่า ผู้ป่วยจากตะวันออกกลางเปลี่ยนโรงพยาบาลเพราะประเด็นอ่อนไหวด้านราคานั้นอาจไม่สะท้อนถึงพฤติกรรมทั้งหมดของการตัดสินใจเลือกโรงพยาบาลฯ ของผู้ป่วยกลุ่มนี้ เพราะไม่ได้คำนึงถึงองค์ประกอบอื่น เช่น ความหลากหลายของความต้องการทางการแพทย์ ความคาดหวัง ความเข้าใจอย่างลึกซึ้งทางวัฒนธรรม และประสบการณ์จนถึงจริตส่วนบุคคล ซึ่งล้วนมีบทบาทสำคัญต่อการตัดสินใจใจใจในการเลือกสถานพยาบาลของผู้ป่วยกลุ่มนี้ มากกว่าการมองจากมิติด้านราคาเพียงอย่างเดียว

ตลอดเวลากว่า 4 ทศวรรษที่ผ่านมา โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์สามารถผ่าฟันความท้าทายทั้งในระดับโลกและในประเทศได้อย่างมั่นคง ด้วยการดำรงในจุดยืนที่ชัดเจน มีความรอบคอบ และการยึดมั่นในพันธกิจในการมอบสิ่งที่ดีที่สุดให้กับผู้ป่วย เราเฝ้าติดตามการเปลี่ยนแปลงในภูมิทัศน์การแข่งขัน พัฒนากาการทางภูมิรัฐศาสตร์ และแนวโน้มใหม่ ๆ อยู่เสมอ รวมถึงความก้าวหน้าของเทคโนโลยีทางการแพทย์และปัญญาประดิษฐ์ (AI) เพื่อให้เรายังคงเป็นผู้นำในทางสุขภาพในระดับโลกโรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ไม่เคยหยุดนิ่ง เราพร้อมปรับตัวอย่างยึดหยุ่นและตอบสนองได้ทันสถานการณ์ เพื่อคว้าโอกาสที่สอดคคล้องกับความต้องการของผู้ป่วยและเป้าหมายด้านการเติบโตอย่างยั่งยืนในระยะยาว

ตัวอย่างที่ชัดเจน คือ การมีส่วนร่วมอย่างแข็งขันของเราภายใต้กรอบความร่วมมือด้านสุขภาพระหว่างไทย-ซาอุดีอาระเบีย (Thai-Saudi CCHI) โดยเราได้เล็งเห็นศักยภาพของความร่วมมือที่กำลังพัฒนาอย่างต่อเนื่องนี้ และได้รับเชิญให้เข้าร่วมบรรยายในสัมมนาด้านสุขภาพ ณ กรุงริยาด ขณะนี้ เราอยู่ระหว่างการเจรจาขั้นสูงเพื่อให้บริการแก่ผู้ป่วยชาวซาอุดีอาระเบียที่มีสิทธิประกันสุขภาพ ซึ่งเป็นความริเริ่มที่คาดว่าจะสนับสนมการเติบโตเชิงกลยุทธิ์ในระยะยาวของเรา พร้อมช่วยเพิ่มความหลากหลายให้กับแหล่งรายได้ของเรา

ท้ายที่สุด แม้ว่าเราจะยินดีรับฟังความสนใจจากสาธารณชนและเปิดกว้างต่อการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นที่สร้างสรรค์ แต่ข้อกล่าวอ้างในบทความเกี่ยวกับผู้ป่วยชาวตะวันออกกลาง การวิเคราะห์ด้านการเงิน และการเปรียบเทียบราคานั้น ยังสะท้อนภาพที่ไม่ครบถ้วน เกี่ยวกับความซับซ้อนของธุรกิจการบริการสุขภาพ และบริบทในระดับมหภาคที่เราดำเนินงานอยู่ การเชื่อมโยงราคาหุ้นของเรากับข้อสันนิษฐานที่นำเสนอในบทความนั้น จึงไม่มีพื้นฐานข้อเท็จจริงรองรับ และถือเป็นตรรกะที่คลาดเคลื่อน ซึ่งมองข้ามปัจจัยพื้นฐานที่แข็งแกร่ง ชื่อเสียงระดับโลก และกลยุทธ์เชิงรุกระยะยาวของบำรุงราษฎร์เราขอเชิญหนังสือพิมพ์ผู้จัดการร่วมเปิดบทสนทนาที่ลึกซึ้งและมีคุณภาพมากขึ้นในประเด็นที่เกี่ยวข้องกับสุขภาพและคุณภาพชีวิตซึ่งเป็นเรื่องที่มีหลายแง่มุม และควรได้รับการนำเสนอด้วยความรอบคอบบนพื้นฐานของข้อเท็จจริงเรายังคงยึดมั่นในหลักความโปร่งใส และมุ่งมั่นเพื่อสุขภาวะที่ดีในระยะยาวของผู้ป่วยและชุมชนที่เราให้บริการเสมอมา

Back to top button