KKPS จับตา “วิทัย” ผู้ว่า.ธปท. สายภาครัฐ หั่นดอกเบี้ย 1% ช่วง 12 เดือนข้างหน้า

KKPS มองแต่งตั้ง “นายวิทัย รัตนากร” ขึ้นผู้ว่าฯ ธปท. พลิกทิศนโยบายการเงินผ่อนคลาย ลุ้นหั่นดอกเบี้ย 1.00% ช่วง 12 เดือนข้างหน้า พร้อมเน้นส่งเสริมการเติบโตทางเศรษฐกิจ


บริษัทหลักทรัพย์ เกียรตินาคินภัทร จำกัด (มหาชน) หรือ KKPS เปิดเผนผ่านบทวิเคราะห์ถึงข่าว นายวิทัย รัตนากร ได้รับการรับรองอย่างเป็นทางการจากคณะรัฐมนตรีให้ดำรงตำแหน่งผู้ว่าการ ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) คนถัดไป แทนที่ นายเศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ การแต่งตั้งครั้งนี้อาจสะท้อนถึงการเปลี่ยนแปลงทิศทางนโยบายของ ธปท. ไปสู่กรอบนโยบายที่เน้นความคล่องตัว และส่งเสริมการเติบโตทางเศรษฐกิจมากยิ่งขึ้น

โดยปัจจุบัน นายวิทัย รัตนากร ดำรงตำแหน่ง ผู้อำนวยการธนาคารออมสิน มีความเชี่ยวชาญในด้านการเงินภาครัฐและการธนาคารเพื่อสังคม ซึ่งแตกต่างจากผู้ว่าฯ คนก่อนที่เน้นแนวทางเศรษฐศาสตร์มหภาค

นายวิทัย ได้รับการยอมรับในฐานะผู้ผลักดันการทำงานร่วมกันระหว่าง นโยบายการเงินและการคลัง พร้อมให้ความสำคัญกับการบรรเทาหนี้ภาคครัวเรือน การเข้าถึงสินเชื่อของธุรกิจ SME และการเติบโตทางเศรษฐกิจที่ทั่วถึง โดยเคยออกมาแสดงจุดยืนสนับสนุนการลดดอกเบี้ยนโยบายให้ยืนอยู่ในระดับต่ำวิจารณ์การส่งผ่านนโยบายการเงินที่ยังมีประสิทธิภาพต่ำ และเสนอให้รัฐเข้าซื้อหนี้เสียที่ไม่มีหลักประกัน เพื่อเร่งกระบวนการปรับโครงสร้างหนี้

ทั้งนี้ ฝ่ายวิเคราะห์มองว่ามุมมองเหล่านี้ มีแนวโน้มที่จะเป็นแนวทางการทำงานที่สำคัญของ นายวิทัย ในการดำรงตำแหน่งผู้ว่าฯ ธปท. ท่ามกลางสถานการณ์ในปัจจุบันที่เงินเฟ้อลดลง และเศรษฐกิจขยายตัวต่ำกว่าศักยภาพ

นอกจากนี้ มองว่าการแต่งตั้งผู้ว่าฯ ธปท. ครั้งนี้จะทำให้ คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) มีแนวโน้มผ่อนคลายด้านนโยบายมากขึ้น แม้จะยังคงความระมัดระวังอยู่บ้าง โดยฝ่ายวิเคราะห์ยังคงคาดว่าดอกเบี้ยนโยบายมีแนวโน้มจะลดลงอย่างต่อเนื่อง และจะถูกปรับลดลงมาอยู่ที่อย่างน้อย 1.00% ภายใน 12 เดือนข้างหน้า จากระดับปัจจุบันที่ 1.75% โดยยังมีความเสี่ยงที่จะยังอยู่ในทิศทางขาลง

โดยปัจจัยการบริโภคภาคเอกชนที่ซบเซา ความต้องการสินเชื่อที่อ่อนแอ และอัตราเงินเฟ้อที่ต่ำกว่ากรอบเป้าหมาย จะสนับสนุนการดำเนินนโยบายการเงินที่ผ่อนคลายมากขึ้นภายใต้ผู้นำคนใหม่

อย่างไรก็ตาม การแต่งตั้ง นายวิทัย ซึ่งมีภูมิหลังเกี่ยวข้องกับภาครัฐและความสอดคล้องด้านต่างๆ เกี่ยวกับนโยบายของรัฐบาล อาจทำให้เกิดข้อกังวลต่อความเป็นอิสระของ ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.)

โดยฝ่ายนักวิเคราะห์ ระบุว่า นักลงทุนจะจับตาอย่างใกล้ชิดว่า นายวิทัย จะสามารถเดินสมดุลระหว่างความคาดหวังทางการเมือง กับภารกิจในการรักษาเสถียรภาพของระบบการเงิน และการควบคุมเงินเฟ้อของธปท.ได้อย่างไร รวมถึงประเด็นอื่น ๆ ไม่ว่าจะเป็นการกำกับดูแลระบบธนาคาร และระบบการชำระเงิน ซึ่งหากมีสัญญาณการเมืองแทรกแซงนโยบาย ก็อาจส่งผลต่อความเชื่อมั่นในตลาด และส่งผลกระทบต่อค่าเงินบาทได้

ทั้งนี้ นายวิทัย มีแนวโน้มที่จะนำการเปลี่ยนแปลงทั้งแนวคิด และนำเครื่องมือใหม่ๆ มาขับเคลื่อนนโยบายของธปท. ให้เน้นการเติบโตทางเศรษฐกิจมากขึ้น โดยฝ่ายนักวิเคราะห์ยังคงคาดการณ์ว่าดอกเบี้ยจะปรับลดลงต่อ พร้อมมีการเปิดทางให้นโยบายการเงินเชิงรุก และมาตรการใหม่ๆ มากขึ้นในอนาคต ขณะที่ผลสัมฤทธิ์ของนโยบายจะขึ้นอยู่กับการบูรณาการ ความโปร่งใส และวินัยในการดำเนินงาน

Back to top button