
WTI ปิดทรงตัว จับตาประชุม “ทรัมป์-ปูติน” เคลียร์ศึกยูเครน
WTI ปิดทรงตัวที่ 63.88 ดอลลาร์ ขณะที่เบรนท์ขยับขึ้น 0.24% ตลาดรอประชุมผู้นำสหรัฐฯ-รัสเซีย คาดอาจยุติสงครามยูเครน กระทบมาตรการคว่ำบาตรและภาษีการค้าน้ำมัน
สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดทรงตัวเมื่อวันศุกร์ (8 ส.ค.) ที่ระดับ 63.88 ดอลลาร์/บาร์เรล ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (Brent) ส่งมอบเดือนต.ค. เพิ่มขึ้น 16 เซนต์ หรือ 0.24% ปิดที่ 66.59 ดอลลาร์/บาร์เรล โดยทั้งสองสัญญาปรับลดลงมากที่สุดในรอบสัปดาห์นับตั้งแต่ปลายเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา โดย WTI ลดลง 5.1% และเบรนท์ลดลง 4.4%
โดยแรงกดดันมาจากความกังวลต่อเศรษฐกิจโลก หลังสหรัฐฯ เริ่มบังคับใช้มาตรการขึ้นภาษีนำเข้าเมื่อวันที่ 7 ส.ค. ซึ่งนักวิเคราะห์จาก ANZ Bank ระบุว่าทำให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจและความต้องการใช้น้ำมันชะลอลง ขณะเดียวกัน Bloomberg News รายงานว่า สหรัฐฯ และรัสเซียมีเป้าหมายบรรลุข้อตกลงยุติสงครามในยูเครน โดยยอมรับการยึดครองดินแดนของรัสเซีย เพื่อปูทางสู่การประชุมสุดยอดระหว่างประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ และประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ซึ่งอาจเกิดขึ้นเร็วสุดในสัปดาห์หน้า
ทั้งนี้ การพบปะดังกล่าวสร้างความคาดหวังต่อการผ่อนคลายมาตรการคว่ำบาตรรัสเซีย แต่เกิดขึ้นท่ามกลางความตึงเครียดทางการค้าระหว่างสหรัฐฯ กับผู้ซื้อน้ำมันรัสเซีย โดยทรัมป์ขู่จะขึ้นภาษีกับอินเดียหากยังซื้อน้ำมันจากรัสเซีย และเตือนว่าจีนในฐานะผู้ซื้อน้ำมันรัสเซียรายใหญ่ก็อาจถูกเก็บภาษีเช่นกัน
ด้านอุปทาน OPEC+ เพิ่งตกลงเพิ่มกำลังการผลิต 547,000 บาร์เรลต่อวันในเดือนก.ย. เพื่อชิงส่วนแบ่งตลาด ขณะที่สมาชิกหลักเตรียมยกเลิกการลดกำลังการผลิต 2.2 ล้านบาร์เรลต่อวันอย่างเต็มรูปแบบในเดือนเดียวกัน และจำนวนแท่นขุดเจาะน้ำมันของสหรัฐฯ เพิ่มขึ้น 1 แท่น เป็น 411 แท่นในสัปดาห์นี้ ซึ่งเป็นสัญญาณอุปทานเพิ่มขึ้นในอนาคต
นอกจากนี้ ทรัมป์ยังประกาศเสนอชื่อสตีเฟน มิแรน ประธานสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจ เข้าร่วมบอร์ดธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ชั่วคราว สร้างความคาดหวังต่อนโยบายการเงินผ่อนคลาย ซึ่งอาจเอื้อต่อเศรษฐกิจและความต้องการใช้น้ำมัน อย่างไรก็ดี ดอลลาร์สหรัฐที่แข็งค่าขึ้นในวันเดียวกัน กดดันการซื้อน้ำมันจากผู้ซื้อในต่างประเทศ