AH รับยอดผลิตรถยนต์ฟื้น ดันกำไร Q2 โต 13% แตะ 113 ลบ. เคาะปันผล 0.31 บาท

AH ประกาศผลงานงวดไตรมาส 2/2568 เข้าเป้า โชว์กำไรสุทธิ 113 ล้านบาท เติบโต 13.4% รับอานิสงค์ยอดผลิตรถยนต์ไทยฟื้น ดันยอดขายธุรกิจผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ ลุยขยายฐานผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ไฟฟ้า บอร์ดอนุมัติปันผลครึ่งปีแรกในอัตราหุ้นละ 0.31 บาท ขึ้น XD วันที่ 27 ส.ค.นี้


นายเย็บ ซู ชวน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อาปิโก ไฮเทค จำกัด (มหาชน) หรือ AH เปิดเผยภาพรวมผลการดำเนินงานงวดไตรมาส 2/2568 ว่า แม้บริษัทฯ จะเผชิญกับสภาวะทางเศรษฐกิจที่ค่อนข้างท้าทาย แต่ยังคงสามารถรักษาความแข็งแกร่ง และความพร้อมในการปรับตัวต่อความผันผวนของตลาดได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยภาพรวมผลการดำเนินงานยังคงอยู่ในระดับที่น่าพอใจ มีกำไรสุทธิในส่วนที่เป็นของผู้ถือหุ้น (ไม่รวมกำไร (ขาดทุน) จากอัตราแลกเปลี่ยน) อยู่ที่ 113 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 13.4% เทียบจากช่วงเดียวกันปีก่อน

ทั้งนี้ รายได้รวมยังคงเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง 2.1% จากช่วงเดียวกันปีก่อนอยู่ที่ 6,630 ล้านบาท ตามการเติบโตของรายได้ธุรกิจผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ และธุรกิจตัวแทนจำหน่ายในประเทศไทยเป็นสำคัญ อานิสงค์จากการฟื้นตัวของอุตสาหกรรมรถยนต์ โดยยอดผลิตรถยนต์ในประเทศไทยช่วงไตรมาส 2/2568 เพิ่มขึ้น 7.6% ส่งผลให้ปริมาณคำสั่งซื้อจากลูกค้ารายหลักเพิ่มขึ้น ขณะที่ธุรกิจตัวแทนจำหน่ายในประเทศไทยมีรายได้เพิ่มขึ้น 7.6%

นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังได้รับแรงหนุนจากส่วนแบ่งกำไรที่เพิ่มขึ้นจากบริษัทร่วมและกิจการร่วมค้าในประเทศไทย ที่เพิ่มขึ้น 29.9% แตะ 65 ล้านบาท ขณะเดียวกัน บริษัทสามารถลดค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารลง 6.5% เหลือ 426 ล้านบาท พร้อมรักษาระดับหนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ยต่อส่วนของผู้ถือหุ้นให้อยู่ในระดับต่ำที่ 0.5 เท่า แม้จะมีต้นทุนเพิ่มจากเหตุไฟฟ้าดับในฐานการดำเนินงานในประเทศโปรตุเกสในช่วงปลายเมษายนที่ผ่านมา

นายเย็บ กล่าวเพิ่มเติมว่า บริษัทฯมุ่งมั่นในการขยายธุรกิจสู่ระดับโลกอย่างต่อเนื่อง เพื่อขับเคลื่อนการเติบโตของรายได้และความสามารถในการทำกำไร โดยผ่านความร่วมมือกับพันธมิตรทางธุรกิจในอุตสาหกรรมยานยนต์และเทคโนโลยีชั้นนำ โดยให้ความสำคัญกับการพัฒนาชิ้นส่วนสำหรับยานยนต์ไฟฟ้า ระบบอัตโนมัติ และเพิ่มประสิทธิภาพในการลดต้นทุน ควบคู่ไปกับการเติบโตตามกลไกของธุรกิจ ซึ่งบทบาทของประเทศไทยภายใต้กลยุทธ์ China Plus One นับเป็นส่วนสำคัญในการเสริมสร้างศักยภาพของบริษัทฯ ในการพัฒนาและกระจายโซ่อุปทาน เพิ่มขีดความสามารถในการส่งออก และขับเคลื่อนนวัตกรรมใหม่ ๆ อย่างต่อเนื่อง แม้จะมีการคาดการณ์ถึงสภาวะการชะลอตัวเล็กน้อยจากปี 2567 แต่เบื้องต้นบริษัทฯ ยังคงเชื่อมั่นในศักยภาพในการคว้าโอกาสใหม่ ๆ ที่กำลังจะเกิดขึ้น และมุ่งมั่นในการสร้างคุณค่าที่ยั่งยืนในระยะยาวให้แก่ผู้ถือหุ้น

อย่างไรก็ตาม คณะกรรมการบริษัทฯ มีมติอนุมัติการจ่ายเงินปันผลจากผลประกอบการครึ่งปีแรก จำนวน 0.31 บาทต่อหุ้น คิดเป็นอัตราการจ่ายปันผล (Dividend Payout Ratio) 25% กำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้นที่มีสิทธิรับเงินปันผล (Record Date) วันที่ 28 สิงหาคม 2568 และกำหนดจ่ายเงินปันผลในวันที่ 10 กันยายน 2568

Back to top button