
CHAYO ไตรมาส 2 กำไรพุ่ง 22% ดันครึ่งปีแรกแตะ 237 ล้านบาท
CHAYO โชว์ผลงานไตรมาส 2 กำไรพุ่ง 22% รายได้โต 10% หนุนงวดครึ่งปีแรกกำไรทะยาน 237 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 60% รายได้รวม 1,077 ล้านบาท โต 10% ฟาก “ซีอีโอ” ย้ำรายได้ปีนี้เข้าเป้า
นายสุขสันต์ ยศะสินธุ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ชโย กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ CHAYO ผู้ดำเนินธุรกิจบริหารสินทรัพย์ ทั้งที่มีหลักประกันและไม่มีหลักประกัน ธุรกิจเจรจาติดตามเร่งรัดหนี้สิน ธุรกิจปล่อยสินเชื่อ และกิจการศูนย์บริการข้อมูลลูกค้า เปิดเผยผลประกอบการ ไตรมาส 2/2568 กำไรสุทธิ อยู่ที่ 129.33 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 23.72 ล้านบาท หรือ 22.46% จากงวดเดียวกันปีก่อนที่ 105.61 ล้านบาท ขณะที่รายได้รวมจากการดำเนินงาน ไตรมาส 2/2568 อยู่ที่ 529.23 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันปีก่อนจำนวน 50.07 ล้านบาท หรือ 10.45%
สำหรับผลประกอบการ งวด 6 เดือนแรก ปี 2568 กำไรสุทธิ อยู่ที่ 237.44 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 89.38 ล้านบาท หรือ 60.37% จากงวดเดียวกันปีก่อนที่ 148.06 ล้านบาท ส่วนใหญ่เพราะมีกำไรขั้นต้นที่ปรับเพิ่มขึ้นจากธุรกิจบริหารสินทรัพย์ด้อยคุณภาพและการลดลงของค่าใช้จ่ายงานคดี ส่วนรายได้รวมจากการดำเนินงาน งวด 6 เดือนแรกปี 2568 อยู่ที่ 1,077.78 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันปีก่อนจำนวน 105.44 ล้านบาท หรือ 10.84% ซึ่งส่วนใหญ่เกิดจากการเพิ่มขึ้นของรายได้ดอกเบี้ยจากเงินให้สินเชื่อแก่สินทรัพย์ด้อยคุณภาพจำนวน 101.36 ล้านบาท โดยเป็นยอดจัดเก็บหนี้ที่ไม่มีหลักประกันและหนี้มีหลักประกันของหนี้ด้อยคุณภาพ เพิ่มขึ้น จำนวน 408.80 ล้านบาท ซึ่งมากกว่างวดเดียวกันของปีก่อน 110.08 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 36.85% จากสาเหตุที่บริษัทได้ซื้อพอร์ตหนี้ด้อยคุณภาพมาบริหารเพิ่มเติม
เช่นเดียวกับ รายได้จากการให้บริการเร่งรัดหนี้สินก็เพิ่มขึ้น 27.22% เพราะสามารถจัดเก็บหนี้ในส่วนงานติดตามทวงถามหนี้ที่รับจากสถาบันการเงินได้มากขึ้น รวมทั้งรายได้จากการให้บริการจัดหาคนก็เพิ่มขึ้นสูงถึง 93.78% ซึ่งเป็นผลจากการเพิ่มขึ้นของจำนวนผู้ว่าจ้างที่เพิ่มขึ้น ขณะที่รายได้จากการปล่อยสินเชื่อให้กู้ยืมลดลง 10.66% ซึ่งเป็นผลจากการปล่อยสินเชื่อที่ลดลง โดยยอดลูกหนี้ให้กู้ยืม ณ สิ้น 30 มิถุนายน 2568 อยู่ที่ 972.11 ล้านบาท ลดลงจากงวดเดียวกันปีก่อนที่ 1,049.75 ล้านบาท
นายสุขสันต์ กล่าวต่อว่า บริษัทฯ ยังคงวางเป้าหมายการเติบโตของรายได้ 2568 อยู่ที่ไม่น้อยกว่า 20% จากปีก่อนที่มีรายได้ 2,093.39 ล้านบาท และกำไรสุทธิที่ 241.15 ล้านบาท โดยปัจจุบันบริษัทบริหารหนี้รวมมากกว่า 105,000 ล้านบาท และยังคงประมูลหนี้เข้ามาบริหารอย่างต่อเนื่อง
โดยในปี 2568 จะเน้นไปที่หนี้ที่ไม่มีหลักประกันเป็นหลัก อีกทั้งบริษัทยังอยู่ระหว่างการหาโอกาสร่วมมือกับภาครัฐในการบริหารหนี้ภาคประชาชนที่รัฐบาลตั้งใจซื้อออกมาเพื่อช่วยเหลือประชาชน ขณะที่สถานะทางการเงินปัจจุบันของบริษัทถือว่ายังมีความแข็งแกร่ง โดยมีอัตราหนี้สินต่อทุนที่มีดอกเบี้ย (D/E) อยู่ที่ประมาณ 0.95 เท่า
สำหรับการจำหน่ายทรัพย์สินรอการขาย (NPA) ยังคงมีการจำหน่ายต่อเนื่อง ส่วนความคืบหน้าของที่ดินแปลงใหญ่บนเกาะยาวใหญ่ จ.พังงา ซึ่งถือเป็นพื้นที่ที่มีศักยภาพสูง ที่บริษัทเพิ่งประมูลได้ในเดือนเมษายนที่ผ่านมา น่าจะเห็นความชัดเจนภายในไตรมาส 3 นี้