
CGSI มองบวก SISB คาดกำไรปี 68-71 โตต่อเนื่อง แนะ “ซื้อ” ราคาเป้า 21.75 บาท
CGSI แนะนำซื้อ SISB ราคาเป้าหมาย 21.75 บาท ประเมินว่ารักษาความสามารถทำกำไรสูงในปี 68-71 หนุนจากจำนวนนักเรียนเพิ่ม ค่าเทอมปรับขึ้น และแผนเปิดสาขาใหม่
ฝ่ายวิเคราะห์ บริษัทหลักทรัพย์ ซีจีเอส อินเตอร์เนชั่นแนล (ประเทศไทย) จำกัด (CGSI) เปิดเผยบทวิเคราะห์ประเมินว่า บริษัท เอสไอเอสบี จำกัด (มหาชน) หรือ SISB ซึ่งเป็นผู้ประกอบธุรกิจโรงเรียนนานาชาติรายใหญ่ของไทย มีแนวโน้มดำเนินงานอย่างมีประสิทธิภาพและสร้างผลกำไรสูงต่อเนื่องในช่วงปี 2568-2571 โดย ณ สิ้นไตรมาส 2/68 SISB มีนักเรียนรวม 4,653 คนในโรงเรียน 6 แห่ง และคาดว่าจำนวนนักเรียนจะเติบโตเฉลี่ย 6.4% CAGR ในช่วงปีดังกล่าว จากการเลื่อนชั้นเรียน การขยายความต้องการของครอบครัวทั้งไทยและต่างชาติ รวมถึงโครงการเปิดโรงเรียนใหม่ที่มีค่าเทอมเข้าถึงง่ายขึ้น เช่น โรงเรียนสาขารังสิต
ทั้งนี้ SISB ยังมีแผนเปิดสาขาประชาอุทิศเฟส 3 เพิ่มที่นั่งอีก 600 ที่ในไตรมาส 1/69 และสาขานนทบุรีเฟส 2 รวมถึงธนบุรีเฟส 3.2 เพิ่มอีก 915 ที่นั่งในปี 71 ทำให้รายได้ค่าเทอมเฉลี่ยต่อหัวของโรงเรียนเดิมคาดว่าจะเติบโตเฉลี่ย 3.5% CAGR ในปี 68-71 จากการปรับขึ้นค่าเรียนตามชั้นปีและการเพิ่มขึ้นตามระดับการศึกษา ทั้งนี้ โรงเรียนสาขารังสิตซึ่งจะเปิดส.ค.70 คาดว่าค่าเทอมถูกกว่าโรงเรียนปัจจุบันราว 30-40% ตั้งเป้ารับ 200 คนในปีแรก และเพิ่มเป็น 400 คนในปี 71 โดยฝ่ายวิเคราะห์คาดว่าทำกำไรได้ตั้งแต่ปีแรกที่เปิดดำเนินงาน
โดย CGSI ประเมินว่า SISB จะรักษาอัตราส่วนนักเรียนต่อครูไว้ที่ 7.8-8.0 คนต่อครูหนึ่งคน และคาดอัตรากำไรสุทธิอยู่ที่ 36.9-38.1% ROE สูง 23.0-26.1% และอัตราหนี้สินต่อทุนเพียง 0.13-0.16 เท่าในช่วงปี 68-71 นอกจากนี้ยังคาดว่ายังอยู่ในสถานะเงินสดสุทธิ ทำให้เงินปันผลต่อหุ้น (DPS) มีโอกาสปรับขึ้นได้
พร้อมกันนี้แนะนำ “ซื้อ” SISB ให้ราคาเป้าหมายที่ 21.75 บาท โดยคาด EPS เติบโตเฉลี่ย 9.7% CAGR ในปี 68-71 ปัจจุบันหุ้นซื้อขายที่ P/E 13.9 เท่าในปี 69 ต่ำกว่าค่าเฉลี่ย 5 ปีถึง 55% ขณะที่ราคาเป้าหมายอิง P/E 20.2 เท่า มองว่าเหมาะสมแล้ว เนื่องจาก SISB มี ROE สูง และเป็นผู้ประกอบธุรกิจโรงเรียนนานาชาติรายเดียวที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ อีกทั้งยังไม่สะท้อนมูลค่าแบรนด์ใหม่และแฟรนไชส์ รวมถึงอาจได้รับแรงหนุนหากนักเรียนโดยเฉพาะชาวจีนเข้ามามากกว่าคาด อย่างไรก็ตาม ปัจจัยเสี่ยงยังคงอยู่ที่การแข่งขันรุนแรงและปัจจัยลบภายนอก