วอชิงตันเปิดฉากล่าแก๊ง ”อาชญากรรมเศรษฐกิจ“ โผล่ชื่อ ”เบน-ยิม-ฮุนโต-ก๊กอาน“ ขึ้นบัญชีดำ

สส.สหรัฐฯ เอาจริง! เสนอสภาคองเกรสออกกฎหมาย "ทลายแก๊งคอลเซ็นเตอร์ข้ามชาติ" ชงขึ้นบัญชีดำ-คว่ำบาตร เบนจามิน เมาเออร์เบอร์เกอร์ , ยิม เลียก , ฮุน โต , ก๊ก อาน และกลุ่มทุนใหญ่ในกัมพูชา


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 18 ก.ย. 68 นายเจฟเฟอร์สัน ชเรฟ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเขต 6 รัฐอินดิแอนา พรรครีพับลิกัน ได้ยื่นเสนอร่างรัฐบัญญัติ “Dismantle Foreign Scam Syndicates Act” (H.R. 5490) ต่อสภาฯ ซึ่งนับเป็นก้าวย่างสำคัญที่แสดงถึงความมุ่งมั่นของสหรัฐอเมริกาในการประกาศสงครามกับองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ ที่อยู่เบื้องหลังขบวนการหลอกลวงออนไลน์ ซึ่งสร้างความเสียหายให้แก่ชาวอเมริกันไปแล้วอย่างน้อย 10,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 3.7 แสนล้านบาท) ในปี 2024 เพียงปีเดียว

ร่างกฎหมายฉบับนี้มุ่งเป้าไปที่เครือข่ายอาชญากรรมที่มีฐานปฏิบัติการหลักอยู่ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยเฉพาะในเมียนมา ลาว และกัมพูชา ซึ่งใช้วิธีการที่เรียกว่า “การเชือดหมู” (Pig Butchering) หลอกลวงเหยื่อให้ลงทุนในสกุลเงินดิจิทัลปลอม และที่น่าตกใจคือ ขบวนการเหล่านี้อาศัยการบังคับใช้แรงงานจากเหยื่อค้ามนุษย์หลายแสนคน

เปิดไส้ใน “Dismantle Foreign Scam Syndicates Act”

สาระสำคัญของร่างกฎหมายคือการจัดตั้ง คณะทำงานเฉพาะกิจระหว่างหน่วยงาน (Interagency Task Force) ขึ้นภายใน 30 วัน เพื่อพัฒนายุทธศาสตร์ที่ครอบคลุมของรัฐบาลสหรัฐฯ ภายใน 180 วัน  โดยมีเป้าหมายหลักคือ ปิดศูนย์หลอกลวง (Scam Centers) และขัดขวางการขยายตัว ทลายองค์กรอาชญากรรม ที่อยู่เบื้องหลัง นำผู้กระทำผิดมาลงโทษ รวมถึงเจ้าหน้าที่รัฐที่สมรู้ร่วมคิด ให้ความช่วยเหลือเหยื่อ โดยเฉพาะเหยื่อค้ามนุษย์

ยุทธศาสตร์ 360 องศา: จากการทูตถึงปฏิบัติการไซเบอร์

คณะทำงานเฉพาะกิจจะใช้เครื่องมือที่หลากหลายเพื่อบรรลุเป้าหมาย โดยแผนปฏิบัติการจะตั้งอยู่บนเสาหลักหลายประการ ได้แก่ แรงกดดันทางการทูต: กดดันรัฐบาลต่างประเทศที่สมรู้ร่วมคิดหรือเพิกเฉยต่อขบวนการเหล่านี้  พร้อมผลักดันให้คณะทำงานเฉพาะกิจเพื่อดำเนินมาตรการทางการเงิน (FATF) พิจารณาขึ้น บัญชีเทา (Greylisting) หรือบัญชีดำ (Blacklisting) กับประเทศอย่างกัมพูชา

การสืบสวนเชิงลึก : เพื่อสอบสวนความเชื่อมโยงของเจ้าหน้าที่พรรคคอมมิวนิสต์จีนกับองค์กรอาชญากรรม และตรวจสอบบทบาทของกองทัพเมียนมาที่อาจได้รับประโยชน์จากศูนย์หลอกลวงในประเทศ

การใช้มาตรการคว่ำบาตร : โดยกำหนดมาตรการลงโทษต่อบุคคลและนิติบุคคลที่เกี่ยวข้องกับการหลอกลวง การทุจริต และการค้ามนุษย์

ปฏิบัติการทางไซเบอร์เชิงรุก : ด้วยการใช้ขีดความสามารถทางไซเบอร์เพื่อหยุดยั้งการดำเนินงานของศูนย์หลอกลวงโดยตรง

เสริมสร้างศักยภาพพันธมิตร : ร่วมมือกับหน่วยงานบังคับใช้กฎหมายที่เชื่อถือได้ในต่างประเทศ เพื่อพัฒนาศักยภาพด้านการสืบสวนดิจิทัล การต่อต้านการฟอกเงิน และการคุ้มครองเหยื่อ

ช่วยเหลือเหยื่อ : ผ่านการจัดตั้งโครงการให้ความช่วยเหลือเหยื่อค้ามนุษย์แบบคำนึงถึงบาดแผลทางใจ (Trauma-informed care) เพื่อป้องกันการตกเป็นเหยื่อซ้ำ

เปิด “บัญชีดำ” บุคคล-นิติบุคคลเป้าหมายคว่ำบาตร

ไฮไลท์สำคัญของร่างกฎหมายฉบับนี้คือ การระบุรายชื่อบุคคลและนิติบุคคลเป้าหมายที่ต้องถูกพิจารณาคว่ำบาตร ภายใน 180 วันหลังจากกฎหมายมีผลบังคับใช้ โดยในรายชื่อทั้ง 36 รายชื่อนั้น ปรากฏชื่อบุคคลและองค์กรที่มีบทบาทสำคัญในภูมิภาคหลายราย  อาทิ

นายฮุน โต (Hun To) : นักธุรกิจชาวกัมพูชา และเป็นหลานชายของนายฮุน เซน ประธานวุฒิสภาและอดีตนายกรัฐมนตรีกัมพูชา

นายก๊ก อาน (Kok An) : สมาชิกวุฒิสภากัมพูชา ซึ่งเคยถูกทางการไทยออกหมายจับในคดีที่เกี่ยวข้องกับเว็บพนันออนไลน์

นายยิม เลียก (Yim Leak) : ประธานคณะกรรมการบริษัท BIC Group

กลุ่มบริษัท Prince Group Holding Company : บริษัทข้ามชาติขนาดใหญ่ในกัมพูชา

กลุ่มบริษัทฮุ่ย วัน (Huione Group) : บริษัทบริการทางการเงินยักษ์ใหญ่ของกัมพูชาที่มีความเชื่อมโยงกับนายฮุน โต

นายเบนจามิน เมาเออร์เบอร์เกอร์ (Benjamin Mauerberger) :  ที่ปรึกษาเลขาธิการวุฒิสภากัมพูชาตั้งแต่ปี 2557

ทั้งนี้ การปรากฏชื่อในร่างกฎหมายดังกล่าวยังเป็นเพียงรายชื่อเป้าหมายที่ต้องถูกตรวจสอบ เพื่อพิจารณาคว่ำบาตร และยังไม่ได้เป็นข้อบ่งชี้ว่าบุคคลหรือนิติบุคคลนั้นได้กระทำความผิดตามคำพิพากษาของศาลแต่อย่างใด ซึ่งหากมีความคืบหน้าทีมข่าว “ข่าวหุ้นธุรกิจ” จะรายงานให้ทราบต่อไป

Back to top button