
ปตท. ผนึก พันธมิตรทางการเงินชั้นนำ หนุนภารกิจด้านความยั่งยืน
PTT ในฐานะบริษัทพลังงานแห่งชาติ มุ่งมั่นเป็นผู้นำในการสร้างการเติบโตทางธุรกิจและความมั่นคงทางพลังงานอย่างครบวงจร
การลงทุนในตราสารและผลิตภัณฑ์ทางการเงินเพื่อความยั่งยืน (ESG Investment Program) กลายเป็นหนึ่งในกลไกสำคัญของการลงทุนที่ยั่งยืนในอนาคต ด้วยแรงสนับสนุนจากหลายภาคส่วน ทั้งในประเทศไทยและในระดับโลก ด้วยปัจจัยสนับสนุนหลายด้าน ทั้งในแง่การเติบโตของตลาด ความต้องการจากนักลงทุน และการพัฒนาด้านกฎระเบียบ โดยในประเทศไทย สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) และสมาคมตลาดตราสารหนี้ไทย (ThaiBMA) ได้ออกแนวปฏิบัติและส่งเสริมการพัฒนาตราสารหนี้เพื่อความยั่งยืนอย่างต่อเนื่อง
บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) หรือ PTT ในฐานะบริษัทพลังงานแห่งชาติ มุ่งมั่นเป็นผู้นำในการสร้างการเติบโตทางธุรกิจและความมั่นคงทางพลังงานอย่างครบวงจร สร้างประสิทธิภาพการดำเนินงานที่เป็นเลิศ พัฒนาต่อยอดเทคโนโลยีและนวัตกรรมอย่างต่อเนื่อง เสริมสร้างธรรมาภิบาลและการกำกับดูแลกิจการที่ดี บริหารองค์กรด้วยความโปร่งใส ตอบสนองต่อเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน มีการลงทุนในตราสารหนี้เพื่อความยั่งยืน (ESG Bond) ซึ่งเป็นการลงทุนที่ให้ผลตอบแทนทางการเงินไปพร้อมกับสร้างผลลัพธ์ที่ดีต่อสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล (Environmental, Social and Governance : ESG) โดยมุ่งเน้นตราสารหนี้ที่มีส่วนสนับสนุนโครงการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม เช่น โครงการปลูกป่า และโครงการอื่นๆ ที่สอดคล้องกับเป้าหมายด้านความยั่งยืนของบริษัท รวมถึงลงทุนในผลิตภัณฑ์ทางการเงินที่เชื่อมโยงผลตอบแทนกับเป้าหมายด้าน ESG ดังนั้น การลงทุนนี้จึงเป็นทางเลือกสำหรับนักลงทุนที่ต้องการสนับสนุนการพัฒนาอย่างยั่งยืนและรับผลตอบแทนที่สอดคล้องกับค่านิยมดังกล่าว
- จับมือ BNP Paribas ลงทุน ESG Bond
ปตท. ประกาศความสำเร็จการร่วมลงทุนระยะสั้นในตราสารหนี้เพื่อความยั่งยืน (ESG Bond) ของธนาคาร BNP Paribas ประกอบด้วยตราสารหนี้สีฟ้า (Blue Bond) ซึ่ง ปตท.เป็นบริษัทแรกที่ลงทุนใน Blue Bond ของ BNP Paribas และตราสารหนี้สีเขียว (Green Bond) เป็นระยะเวลา 3 ปี ตั้งแต่ปี 2568-2570 มูลค่าเงินลงทุนรวมกว่า 2,700 ล้านบาท
โดยการลงทุนในตราสารหนี้สีฟ้าจะมุ่งเน้นสนับสนุนโครงการเพื่ออนุรักษ์และฟื้นฟูทรัพยากรทางน้ำ เช่น การขนส่งน้ำสะอาด การป้องกันมลพิษทางน้ำ การจัดการน้ำ รวมถึงการอนุรักษ์ทรัพยากรทางทะเล ซึ่งต่อยอดจากการลงทุนในตราสารหนี้สีเขียวที่มุ่งเน้นสนับสนุนโครงการที่ส่งเสริมการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม อาทิ โครงการเกี่ยวกับพลังงานหมุนเวียน อาคารสีเขียว รวมถึงโครงการอื่นๆ ที่เพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงาน ตอกย้ำเจตนารมณ์ของ ปตท. ในการดำเนินธุรกิจที่คำนึงถึงสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล เพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจและสังคมไทยให้เติบโตอย่างยั่งยืน
- ลุยโครงการบริหารสภาพคล่องเพื่อความยั่งยืน
ขณะเดียวกัน ปตท. ยังร่วมกับ ธนาคารยูโอบี ประเทศไทย ตอกย้ำวิสัยทัศน์ธุรกิจเดินหน้าสู่ความยั่งยืนผ่านการบริหารทางการเงินที่เป็นเลิศ โดยร่วมลงทุนระยะสั้นผ่านโครงการบริหารสภาพคล่องเพื่อความยั่งยืน (Sustainable Liquidity Management Programme) ของธนาคารยูโอบี ประเทศไทย ซึ่งเป็นโครงการแรกที่เชื่อมโยงการบริหารสภาพคล่องขององค์กรเข้ากับผลการดำเนินงานด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล โดยใช้ผลประเมินหุ้นยั่งยืนของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET ESG Ratings) เป็นตัวชี้วัดหลัก
ทั้งนี้ ปตท. ถือเป็นบริษัทไทยรายแรกที่เข้าร่วมโครงการดังกล่าวโดยโครงการฯ มีระยะเวลา 1 ปี 7 เดือน ตั้งแต่ปี 2568 – 2569 ปัจจุบันมีมูลค่าเงินลงทุนรวมกว่า 10,000 ล้านบาท สะท้อนการบูรณาการและขับเคลื่อนกลยุทธ์การเงินให้เกิดผลลัพธ์เป็นรูปธรรม ตอกย้ำพันธกิจของ ปตท. ในการผลักดันเศรษฐกิจและสังคมไทยให้เติบโตอย่างยั่งยืนและมั่นคง
- เปิดตัว ESG Asset Enhancement Program
นอกจากนี้ ปตท. และ ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) หรือ SCB ร่วมเปิดตัว “ESG Asset Enhancement Program” การบริหารจัดการเงินลงทุนภายใต้แนวคิดด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล ซึ่ง ปตท. ลงทุนในสินทรัพย์ที่หลากหลายทั้งในและต่างประเทศ รวมถึงผลิตภัณฑ์ทางการเงินของ SCB และได้รับผลตอบแทนพิเศษเพิ่มเติมจากอัตราผลตอบแทนตลาดภายในกรอบเวลาที่ตกลงร่วมกัน เมื่อ ปตท.บรรลุเป้าหมายในการปล่อยก๊าซเรือนกระจกทางตรงและทางอ้อมไม่เกิน 11.5 ล้านตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่าในปี 2568 โดยปัจจุบันมีเงินลงทุน ประมาณ 7,800 ล้านบาท ความร่วมมือนี้สะท้อนวิสัยทัศน์ร่วมของสององค์กรชั้นนำ ที่เล็งเห็นความสำคัญของการสร้างการเติบโตทางธุรกิจควบคู่การดูแลสังคมและสิ่งแวดล้อมเพื่อขับเคลื่อนให้องค์กรเติบโตอย่างยั่งยืน
- ผนึก ‘เจ.พี. มอร์แกน‘ หนุนเทคโนโลยีดักจับขยะ
ปตท. นำร่องเป็นบริษัทแรกในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่เข้าร่วมโครงการลงทุนของเจ.พี. มอร์แกน (JPM) ซึ่งการลงทุนครั้งนี้ไม่เพียงสะท้อนศักยภาพของ ปตท. ในการบริหารสภาพคล่องทางการเงินอย่างมีประสิทธิภาพ แต่ยังตอกย้ำถึงความมุ่งมั่นในการมีส่วนร่วมด้านสังคมและสิ่งแวดล้อมในระดับโลก โดยการลงทุนเบื้องต้นมีมูลค่ากว่า 3,000 ล้านบาท ครอบคลุมระยะเวลา 2 ปี แสดงความมุ่งมั่นของ ปตท. ในการเดินหน้าสู่การพัฒนาที่ยั่งยืนอย่างแท้จริง ซึ่งความโดดเด่นของการเข้าร่วมโครงการลงทุนกับ JPM คือการผสานกลไกทางการเงินที่ออกแบบเฉพาะ โดยจัดสรรเงินบางส่วนจากการลงทุนเพื่อสนับสนุนเทคโนโลยีในการดักจับและกำจัดขยะพลาสติกจากแม่น้ำ เพื่อลดปริมาณพลาสติกที่รั่วไหลสู่ระบบนิเวศทางทะเล มาตรการเชิงป้องกันนี้ถือเป็นก้าวสำคัญและมีประสิทธิผลในการสนับสนุนความพยายามระดับโลกในการแก้ไขปัญหามลพิษพลาสติกเพื่อสังคมอย่างยั่งยืน
จากการผนึกกำลังระหว่าง ปตท. กับ 4 สถาบันการเงินชั้นนำดังกล่าว นอกจากจะช่วยเพิ่มโอกาสสร้างผลตอบแทนที่ดีในระยะยาวแล้ว ยังเป็นการตอกย้ำความมุ่งมั่น ของ ปตท. ที่เป็นบริษัทชั้นนำของประเทศ ในการสร้างประโยชน์ต่อสังคม และประเทศ ด้วยการคำนึงถึงสิ่งแวดล้อมต่างๆ ผ่านการลงทุนระยะสั้น-กลาง ซึ่งเป็นนวัตกรรมใหม่ด้านการบริหารเงิน และเชื่อมโยงกับเป้าหมาย สิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล (ESG) เพื่อสนับสนุนให้เศรษฐกิจและสังคมเติบโตอย่างยั่งยืนต่อไป





